วธ.ปักหมุดเที่ยวชุมชน ยลวิถี ชุมชนแหลมสัก กระบี่ ชวนสวมผ้าปาเต๊ะ เที่ยว “แหลมสัก ชุมชนมากเสน่ห์ ดินแดนทะเล 3 ด้าน วัฒนธรรม 3 สาย” ชาวไทยพุทธ มุสลิม จีน (บาบ๋า ย่าหยา) ชมอาคารบลูเฮ้าส์บ้านทรงชิโนโปตุกีส ลิ้มรสอาหารแดนใต้หลายอารยธรรม เช็คอินสุดแหลม @ แหลมสัก ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจชุมชน สอดรับไทยปลื้มฟอร์บส์ จัดอันดับ ไทย อันดับ 1 ในเอเชีย อันดับ 9 ของโลก ประเทศที่น่าพำนักหลังเกษียณ ประจำปี 2023
วันที่ 6 มกราคม 2566 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดตัวสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมแหลมสัก ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2565 ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยมีนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัดภาคใต้ ศิลปินพื้นบ้าน ผู้นำชุมชนฯ ชาวชุมชนแหลมสัก นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ในโอกาสนี้ ปลัดวธ. ได้ปักหมุดเส้นทางการท่องเที่ยว เปิดตัว “ชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ แหลมสักอย่างเป็นทางการ ณ จุดเช็คอิน “สุดแหลม @ แหลมสัก” รับชมการแสดงทางวัฒนธรรม ได้แก่ การขับเสภา การขับร้องเพลง อนาซีด และรำสามวัฒนธรรม เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น ร่วมทำกิจกรรม Workshops การทำหมวกมัดย้อม ชมการสาธิตภูมิปัญญาชุมชนไทยมุสลิมและชุมชนไทยพุทธ – ไทยจีน อาทิ การทำห่อหมกปลา การทำข้าวคลุกกระปิ การทำผัดหมี่ฮกเกี้ยน การทำขนมอาโป่ง เขียนผ้าบาติก ตลอดจนสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนจากต้นจาก
นางยุพา กล่าวว่า ชุมชนคุณธรรมแหลมสักมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน (บาบ๋า ย่าหยา) อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว คงอัตลักษณ์ประเพณีวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน อาทิ ประเพณีถือศีลกินเจของคนไทยเชื้อสายจีน ประเพณีทำบุญเดือนสิบของคนไทยพุทธ ประเพณีถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของไทยมุสลิม มีการแต่งกายเป็นอัตลักษณ์ของ ไทย มุสลิมและบาบ๋าย่าหยา รวมถึงอาคารบลูเฮ้าส์บ้านทรงชิโนโปตุกีส ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำกิจกรรมวิถีของชุมชน ทำอาหารสไตล์บาบ๋า การเขียนผ้าบาติก การแสดงศิลปวัฒนธรรม ล่องเรือหัวโทง พายเรือคายัค ปลูกต้นจาก ปั่นจักรยานชมวิถีชีวิต 3 วัฒนธรรม ชมศาสนสถานวัดมหาธาตุแหลมสัก ศาลเจ้าซกโป้ซีเอี๋ยและมัสยิดบ้านหัวแหลม สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของทะเลอันดามัน ดังคำว่า “ ดินแดนทะเลสามด้าน” เรียนรู้การทำขนมท้องถิ่น ขนมโกสุ้ยและข้าวคลุกกะปิ ตลอดจนเรียนรู้การเพาะพันธ์กล้วยไม้รองเท้านารี การทำ CSR ปลูกกล้วยไม้คืนป่า ณ เขาช้างหมอบและชมกล้วยไม้ป่า
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันให้เดินทางไปท่องเที่ยวได้ทั้งทางน้ำและทางบก ไปยังเกาะต่างๆของจังหวัดกระบี่และจังหวัดพังงา ไปยังชุมชนวัดมหาธาตุวชิรมงคล(วัดบางโทง) ชุมชนวัดราษฎร์รังสรรค์ ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ แวะพักโฮมสเตย์ที่หลากหลายรูปแบบพร้อมกิจกรรมพิเศษ นอกจากนี้สามารถแวะร้านของฝาก ของที่ระลึก ช้อปสินค้าผลิตภัณฑ์ของชุมชน อย่างผ้าปาเต๊ะ ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) อาทิ กะปิกุ้งตักบ้านอ่าวน้ำ เวชสำอางจากสาหร่ายพวงองุ่น และผลิตภัณฑ์ชุมชน เช็คอินถ่ายภาพตามจุดเช็คอินต่างๆ และที่พลาดไม่ได้คือเมนูอาหารพื้นถิ่นเฉพาะของชุมชน เช่น ปูม้าต้มจีเจ๊กฉ่าย ปลาจุกเครื่อง ปลาทอดไร้ก้าง สาหร่ายสามเกลอ ขนมโกสุ้ยขนมดั่งเดิมสไตล์บาบ๋า ขนมจากใจ และข้าวคลุกกะปิกุ้งตัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของชุมชน
ทั้งนี้ วธ. เปิดตัวสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ แหลมสัก ตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG และ Soft Power ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของวธ. ในการปรับบทบาทจากกระทรวงสังคม สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนชุมชนอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ สไตล์ New Normal เป็นอย่างดี ถือเป็นชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติอีกแห่งหนึ่ง
ปลัดวธ. กล่าวอีกว่า จากการที่ทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกมิติ โดยเฉพาะท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่ายินดีว่าล่าสุด
ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของเอเชีย และเป็นลำดับที่ 9 ของโลก ในฐานะ “ประเทศที่น่าพำนักอยู่ภายหลังเกษียณ” ประจำปี 2023 จากการจัดอันดับของ Annual Global Retirement Index
ทั้งนี้ เว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) เปิดเผยผลสำรวจ 10 ประเทศที่น่าพำนักอยู่ภายหลังเกษียณ (10 Cheapest Places To Live Afer Retiring) ประจำปี 2023 ซึ่งจัดทำโดย Annual Global Retirement Index ซึ่งระบุว่า ไม่เพียงแต่เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด สำหรับคนหลังเกษียณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตไม่แพง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และอาจอยู่ได้โดยแทบไม่ต้องทำงานหรือใช้เงินจำนวนมาก โดยประมวลข้อมูลจากทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต สภาพอากาศ วีซ่า ค่าอาหาร ที่พัก และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
สำหรับประเทศที่ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่และค่าใช้จ่ายถูกที่สุดในโลก 10 อันดับแรก คือ
1. โปรตุเกส
2. เม็กซิโก
3. ปานามา
4. เอกวาดอร์
5. คอสตาริกา
6. สเปน
7. กรีซ
8. ฝรั่งเศส
9. อิตาลี
10. ไทย
ปลัดวธ. กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับ 9 จากทั้งโลก (เท่ากับอิตาลี) และอันดับ 1 ในเอเชีย โดยเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) อธิบายถึงประเทศไทยว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก แม้ว่าการท่องเที่ยวจะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่ไทยเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตทั้งผ่อนคลายและเต็มไปด้วยการผจญภัย ประเทศไทยเป็นดินแดนที่สวยงาม ทั้งภูมิประเทศ ขนบธรรมเนียมประเพณี และสามารถรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี