ไทย-อินเดีย ลงนามโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม สานสัมพันธ์ไทย-อินเดียครบ 75 ปี

วันที่ 22 ธันวาคม 2565 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมพิธีลงนามโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย กับ H.E.Mr. G.Kishan Reddy รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ผ่านทางระบบทางไกล

โดยมี H.E. Mr. Nagesh Singh เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ในโอกาสนี้ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินเดีย ในปี 2565 กระทรวงวัฒนธรรมของสองประเทศได้ร่วมจัดฉายวีดิทัศน์การพัฒนาสื่อการแสดง “การละเล่นกระตั้วแทงเสือ” การแสดงร่วมสมัยชุด กระตั้วแทงเสือ และการแสดงทางวัฒนธรรม Manipuri Dance จากอินเดีย LIVE Streaming จากกรุงนิวเดลีด้วย นอกจากนี้ ยังได้จัดนิทรรศการชั่วคราวเกี่ยวกับกระตั้วแทงเสือและความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดีย ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ถึง 11 มกราคม 2566 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน

นายอิทธิพล กล่าวว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และสาธารณรัฐอินเดียได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดียมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยในปีพ.ศ. 2565 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบจัดทำ “โครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย” (Cultural Exchange Programme between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of India) ระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2570

เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับอินเดียให้ขยายผลยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง มุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีศักยภาพ อาทิ ดนตรีและการเต้นรำ โบราณคดี และจดหมายเหตุ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปี และครบรอบ 80 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดียในปี พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2570 ด้วย

เพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนสองฝ่ายมีความเข้าใจด้านวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน และเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองฝ่ายต่อไป