นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พีทีที โออาร์ นายเพียว มิน เต็ง (Phyo Min Thein) มุขมนตรีภาคย่างกุ้ง และ นายเนียว มิน (Nyo Myint) กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มบริษัท คันบาวซา จำกัด (Kanbawza KBZ Group of Companies Limited) นายกอง ซาน (Kaung San) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด (Brighter Energy Company Limited) และบริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ รีเทล จำกัด (Brighter Energy Retail Company Limited) พร้อมผู้บริหารภาครัฐและเอกชนของประเทศเมียนมาร่วม “พิธีลงนามความร่วมมือในการดำเนินโครงการร่วมทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม และโครงการร่วมทุนธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีก” ณ โรงแรมล็อตเต้ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา
นายอรรถพล กล่าวว่า พีทีที โออาร์ ในฐานะบริษัท Flagship ของกลุ่ม ปตท. ด้านการค้าน้ำมันและการค้าปลีก มีวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีพันธกิจในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล พีทีที โออาร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดำเนินธุรกิจร่วมกับกลุ่มบริษัท คันบาวซา จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา อีกทั้งประเทศเมียนมายังเป็นหนึ่งในประเทศที่ พีทีที โออาร์ มีแผนงานในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกอย่างครบวงจร เนื่องด้วยมีปัจจัยที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยครั้งนี้ มีการลงนามความร่วมมือใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการร่วมทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม กับ บริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ในการจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมถึงการจัดตั้งและบริหารคลังน้ำมัน ท่าเรือ และโรงบรรจุก๊าซหุงต้มแอลพีจี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2564 นับเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา มีความจุรวมกว่า 1 ล้านบาร์เรล และมีความจุแอลพีจี รวม 4,500 เมตริกตัน และ โครงการร่วมทุนธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีก กับ บริษัท ไบรท์เทอร์ เอนเนอร์ยี่ รีเทล จำกัด โดยจะนำแบรนด์ของ พีทีที โออาร์ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยมาต่อยอดเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคชาวเมียนมา ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ก๊าซหุงต้มแอลพีจี และร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในประเทศเมียนมา ยังคงเป็นไปภายใต้แนวคิดหลัก “ลีฟวิ่ง คอมมิวนิตี้” (Living Community) เช่นเดียวกันกับในประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้เกษตรกร ชุมชนและธุรกิจเอสเอ็มอี ได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับการขยายเครือข่ายสถานีบริการฯ โดยวางเป้าหมายการขยายสถานีฯ ที่ 70 แห่ง ภายในปี 2566 ปัจจุบัน พีทีที โออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น กว่า 2,000 แห่ง ทั้งในประเทศไทย กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ สำหรับธุรกิจก๊าซหุงต้มแอลพีจี จะใช้ความโดดเด่นในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในการเข้าสู่ตลาด โดยมีเป้าการจำหน่ายที่ 1,000 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ จะดำเนินธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดีสอดคล้องกับแนวโน้มความนิยมในการบริโภคกาแฟของผู้บริโภคชาวเมียนมาที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 7 สาขา และจะขยายเป็น 100 สาขา ภายในปี 2566 โดยร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน มีจำนวนกว่า 2,800 สาขา ทั้งในประเทศไทย เมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และโอมาน