วธ. เผยผลโพล “พลิกโฉมงานด้านศาสนาสู่ใจประชาชน”

วธ. เผยผลโพล “พลิกโฉมงานด้านศาสนาสู่ใจประชาชน” พบประชาชนต้องการให้ขับเคลื่อนกิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ชี้คนไทยต้องมีคุณลักษณะรักชาติ-นำเทคโนโลยีพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางศาสนา แนะ “สนับสนุนกิจกรรมด้านศาสนาครอบคลุมทุกศาสนา – สร้างความตะหนักรู้ความสำคัญ และคุณค่าหลักศาสนา แนะปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เยาวชนตั้งแต่ระดับปฐมวัย

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า กรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรมได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน หัวข้อ “พลิกโฉมงานด้านศาสนาสู่ใจประชาชน” โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างครอบคลุมทุกอาชีพและทุกภูมิภาค จำนวน 4,069 คนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้กรมการศาสนาขับเคลื่อนในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พบว่า ร้อยละ 88.08 ต้องการให้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ และการจัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รองลงมาร้อยละ 86.76 ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา อาทิ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีและเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ และร้อยละ 72 อยากให้ใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบการจัดการแหล่งเรียนรู้ทางศาสนาเพื่อให้คนใช้บริการเพิ่มขึ้น อาทิ

ฐานข้อมูลวัดและศาสนสถานภายใต้ภารกิจกรมการศาสนา เส้นทางจาริกบุญในมิติทางศาสนา ชุมชนคุณธรรมขับเคลื่อนพลังบวร รวมถึงการจัดทำสื่อเผยแพร่ความรู้โดยใช้เว็บไซต์และ Social media ขณะที่ร้อยละ 63.27 ต้องการให้นำทุนทางวัฒนธรรม “วิถีชีวิตของแต่ละศาสนา อาหาร ความเชื่อ”  องค์ความรู้ด้านศาสนามาสร้างสรรค์ต่อยอดสร้างมูลค่าสร้างรายได้สู่ประเทศ และร้อยละ 61.81 ต้องการให้ ส่งเสริม อนุรักษ์และพัฒนา สืบสานมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมและส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยและความเป็นไทย โดยขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ศาสนพิธี กิจกรรมสวดโอ้เอ้วิหารราย เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้สอบถามเรื่องคุณธรรม 5 ประการที่ประชาชนให้ความสนใจ อันดับ 1 ระบุว่า สุจริต รองลงมาพอเพียง วินัย จิตอาสา และกตัญญู ตามลำดับ และจากการสำรวจความคิดเห็นว่าประชาชนต้องการให้คนไทยมีคุณลักาณะอย่างไร พบว่าอันดับ 1 ต้องการให้คนไทยรักชาติ รองลงมาโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเข้าใจเข้าถึงศาสนาและยุคสมัย ไม่เบียดเบียนกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามลำดับ และได้สำรวจความคิดเห็นคำขวัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านศาสนาที่ประชาชนต้องการ 3 อันดับ ได้แก่

1.นำธรรมะสู่ใจประชาชน

2. พลิกโฉมศาสนา สู่วิถีชีวิตใหม่

3. นำทุนวัฒนธรรม ต่อยอดงานศาสนา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ได้มีการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนว่าปัญหาที่ต้องการให้กรมการศาสนาแก้ไขเร่งด่วน ดังนี้

1.ต้องการให้ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาให้ครอบคลุมทุกศาสนาและสร้างความรู้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางศาสนา

2.เสริมสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญและคุณค่าของหลักธรรมทางศาสนาเพื่อปกป้องคุ้มครองศาสนาให้มั่นคง

3. ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เยาวชนตั้งแต่ระดับปฐมวัย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังได้สอบถามประชาชนว่าเคยเข้าร่วมกิจกรรมและใช้บริการของกรมการศาสนาบ้าง พบว่า

1.กิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

2.กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อาทิ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬบูชาและเข้าพรรษา เป็นต้น

3. กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี

4. เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ (วันพระ)

5. กิจกรรมศาสนิกสัมพันธ์ 5 ศาสนา

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการศาสนานำข้อคิดเห็นของประชาชนที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้นำมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนงานของกรมการศาสนาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ต่อไป