นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ วันอังคารที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุม สป.๑ ชั้น ๘ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และผ่านระบบประชุมทางไกล Zoom Cloud Meeting โดยคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบแนวทางการทำงานเพื่อคุ้มครองเด็กที่สำคัญ ดังนี้
๑. กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก จึงได้จัดเสวนาเพื่อปกป้องความรุนแรงต่อเด็ก “ซ่อม เสริม สร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก” เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ ระหว่างเวลา ๑๐.๓๐ – ๑๒.๔๕ น. ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น ๒ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมเวทีการเสวนาฯ ๖ กระทรวง ๑๑ หน่วยงาน โดยมีแนวทางการขับเคลื่อนงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(๑) ร่วมผลักดันประเด็นการสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยเสริมสร้างความร่วมมือ ผ่านการกำหนดพันธกิจ และหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในทุกระดับ
(๒) ร่วมพัฒนายุทธศาสตร์การคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) โดยรับฟังความคิดเห็น จากทุกภาคส่วน เน้นการสร้างหลักประกันความปลอดภัยสำหรับเด็ก มุ่งเน้นการดำเนินงาน เชิงรุกในระดับพื้นที่และการขับเคลื่อนเชิงปฏิบัติการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่
(๓) ร่วมสร้างความตระหนักรู้และการสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ภายในหน่วยงาน โดยมีการระบุปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความรุนแรงต่อเด็ก ศึกษาช่องว่าง และกำหนดมาตรการ กลไก เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ
(๔) ร่วมสนับสนุนบริการสำหรับบุคคลแวดล้อมเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู หรือผู้ดูแลเด็ก ในการเลี้ยงดูเด็กตามช่วงวัยตามมาตรฐานขั้นต่ำ และจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก รวมถึงการสร้างเครือข่ายในระดับชุมชน
(๕) ร่วมสร้างพลังของเด็กและเยาวชนให้มีส่วนร่วมในป้องกันความรุนแรงและสร้างความปลอดภัยสำหรับเด็ก ผ่านการเสริมพลังอำนาจในการมีส่วนร่วมอย่างปลอดภัยแก่เด็กและเยาวชน
(๖) ร่วมจัดให้มีนโยบายคุ้มครองเด็กในทุกสถานที่ที่มีเด็กอยู่ในความดูแล มีแนวปฏิบัติที่สร้างความปลอดภัยจากการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก และมีกลไกการจัดการกับสถานการณ์ความรุนแรงได้ทันการณ์ รวมถึงมีแผนการรับมือในภาวะฉุกเฉิน และซักซ้อมตามแผนอย่างต่อเนื่อง
(๗) ร่วมสร้างความตระหนักรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมของสื่อสารมวลชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร กำหนดมาตรการและแนวทางการสื่อสารเรื่องความรุนแรง ทั้งในด้านการคุ้มครองและการป้องกันร่วมกัน
๒. เห็นชอบการขับเคลื่อนงานตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยการเลี้ยงดูทดแทนสำหรับเด็ก ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๙) โดยมีการดำเนินงานสำคัญในปี ๒๕๖๖ ดังนี้
(๑) การศึกษาค้นคว้าบริการทางเลือกด้านการเลี้ยงดูทดแทนที่หลากหลายสำหรับเด็ก เช่น ครอบครัวกาฟาลาห์
(๒) การพัฒนาการเลี้ยงดูทดแทนรูปแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะครอบครัวเครือญาติอุปถัมภ์ ครอบครัวอุปถัมภ์ และการดำรงชีวิตโดยอิสระภายใต้การกำกับดูแล
๓. การพัฒนาแนวทางการป้องกันการส่งเด็กเข้ารับการดูแลในสถานรองรับเด็กและลดจำนวนเด็กในสถานรองรับเด็ก ได้แก่
(๓.๑) การดำเนินโครงการในสถานรองรับเด็กของภาครัฐ (โครงการพัฒนากลไกคุ้มครองเด็กเพื่อสนับสนุนให้เด็กเติบโตในครอบครัว)
(๓.๒) การจัดทำแผนจัดการรายกรณีสำหรับเด็กทุกคน และทบทวนแผนอย่างต่อเนื่อง
(๓.๓) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวให้มีความสามารถดูแลเด็กได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำ ทั้งครอบครัวโดยกำเนิด หรือครอบครัวทดแทนรูปแบบต่าง ๆ
๔. การศึกษาวิจัยและจัดทำมาตรฐานหรือแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาต้นทุนการเลี้ยงดูเด็กในรูปแบบครอบครัว
นายจุติ ไกรฤกษ์ เน้นย้ำว่า กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเป็นอย่างมาก และถือเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนงาน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัย สำหรับเด็ก