กรม สบส.ออกคำสั่งเรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง กรณี สืบพบคลินิก ย่านบึงกุ่ม

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ออกคำสั่งเรียกผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการคลินิก ย่านบึงกุ่ม เข้าชี้แจง กรณี สืบพบความเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าประเวณี หากพบการกระทำผิดจริงสั่งฟันโทษทันที

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้นคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ย่านบึงกุ่ม ซึ่งได้รับเบาะแสว่ามีการลักลอบค้าประเวณี โดยอาศัยการประกอบกิจการคลินิกเวชกรรมบังหน้านั้น

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาล หรือคลินิกเป็นสถานที่สำหรับให้บริการป้องกัน ตรวจรักษา และฟื้นฟูภาวะความเจ็บป่วย หรือโรคต่างๆ แก่ผู้ป่วย ทั้งร่างกายและทางจิตใจ โดยผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชน จะต้องควบคุมกำกับให้การดำเนินการของสถานพยาบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในด้านสุขภาพแก่ผู้รับบริการ การที่ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการ ปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สถานที่มาลักลอบค้าประเวณี นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสถานพยาบาลไทย ตนจึงได้สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้างต้นทันที

ซึ่งพบว่าที่ตั้งคลินิกเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น โดยการตรวจสอบทะเบียนสถานพยาบาลพบว่า คลินิกดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลในชั้นที่ 1 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้ให้ข้อมูลว่ามีการล่อซื้อประเวณีในชั้นที่ 2 ของอาคาร ซึ่งการขึ้นไปที่ชั้น 2 ของอาคาร มีทางเข้าแยกกันอิสระมิได้ผ่านบริเวณจุดบริการของคลินิก และมิได้เข้าไปรับบริการในช่วงเวลา 13.00 – 20.00 น. ที่คลินิกได้รับอนุญาต ให้ประกอบกิจการ

ในเบื้องต้นไม่พบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลอย่างไรก็ตาม กรม สบส.จะออกคำสั่งเรียกตัวผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมาให้ถ้อยคำและชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรมกับสถานพยาบาลและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย หรือการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของสถานพยาบาลเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 หรือหากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในวันและเวลาราชการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป