สศท.6 เผย ผลสำเร็จ ‘วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนา’ ปราจีนบุรี

สศท.6 เผย ผลสำเร็จ ‘วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนา’ ปราจีนบุรี ยกระดับการผลิตด้วยเกษตรสมัยใหม่

นางธีรารัตน์ สมพงษ์  รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการติดตามผลการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี นับเป็นกลุ่มที่ประสบผลสำเร็จในการยกระดับการผลิตด้วยเกษตรสมัยใหม่ และมีจุดเด่นในด้าน Zero Waste ที่สามารถพัฒนากระบวนการผลิตข้าวโพดหลังนาโดยไม่มีวัสดุทางการเกษตรเหลือทิ้ง

โดยการไถกลบต้นข้าวโพดหลังนาหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเพิ่มอินทรีย์วัตถุปรับปรุงโครงสร้างดิน และการนำมาบดสับและหมักเป็นอาหารสำหรับสัตว์ภายในฟาร์ม ทั้งนี้ ในปี 2565 วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตำบลวังตะเคียน ยังได้รับรางวัลชนะเลิศแปลงใหญ่ดีเด่นระดับจังหวัดปราจีนบุรี

จากการติดตามของ สศท.6 พบว่า วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตำบลวังตะเคียน เริ่มดำเนินการ เมื่อปีงบประมาณ 2563 ในรูปแบบคณะกรรมการแปลงใหญ่ โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกรวม 606 ไร่ (ปลูกเฉลี่ย 15.5 ไร่/ครัวเรือน) สมาชิกเกษตรกร 39 ราย มีนายประสิทธิ์ ย้อยดา เป็นประธานแปลงใหญ่ เกษตรกรมีการปลูกและดูแลรักษาข้าวโพดรุ่น 2 (ข้าวโพดหลังนา) ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม ของปีถัดไป และเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม

โดยทางกลุ่มแปลงใหญ่มีการบริหารจัดการแปลงอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งมั่นขยายผลยกระดับศักยภาพการผลิตการตลาดของกลุ่มจึงเสนอแผนยกระดับศักยภาพสามารถเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ปี 2564 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการภายใต้งบประมาณแผนงาน/โครงการภายใต้ พ.ร.ก.ฯ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีอุปกรณ์ลดต้นทุนสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ได้แก่ รถเกี่ยวพร้อมอุปกรณ์ เทเลอร์ลากรถเกี่ยว หัวรถเกี่ยวข้าวโพด แทรกเตอร์พร้อมอุปกรณ์ดันหน้า เครื่องหยอดข้าวโพด เครื่องพ่นยาแรงดันสูง เครื่องผสมปุ๋ย และโรงเก็บวัสดุ

สำหรับผลลัพธ์ที่สำเร็จจากการดำเนินการของวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตามแนวทางการพัฒนา 5 ด้าน ที่สำคัญของโครงการฯ ดังนี้

ด้านการลดต้นทุนการผลิต สมาชิกกลุ่มใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ใช้มูลสุกรมาทำปุ๋ยอินทรีย์และทำน้ำหมักชีวภาพ และการใช้เครื่องจักรทางการเกษตรตลอดกระบวนการผลิตจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิต (ค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าจ้างเครื่องจักรกล) เหลือเพียง 4,550 บาท/ไร่/ปี จากก่อนเข้าร่วมโครงการฯ ที่มีต้นทุนเฉลี่ย 5,800 บาท/ไร่/ปี หรือลดลงร้อยละ 22

ด้านการเพิ่มผลผลิต สมาชิกกลุ่มเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ดี เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง มีความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืช และใช้เครื่องหยอดแทนการใช้แรงงานคน เพื่อให้ข้าวโพดเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ไม่แย่งอาหารกัน ต้นข้าวโพดแข็งแรง ประกอบกับการใช้มูลสุกรเพื่อปรับปรุงดินและบำรุงต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามารถเพิ่มผลผลิตได้ 1,800 กก./ไร่/ปี จากก่อนเข้าร่วมโครงการฯ มีผลผลิตเฉลี่ย 1,370 กก./ไร่/ปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31

ด้านการพัฒนาคุณภาพการผลิต เน้นการพัฒนาความรู้ด้านคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่อายุประมาณ 120 วัน (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) สังเกตจากลักษณะของต้นที่แห้งและเปลี่ยนเป็นสีฟางขาว เพราะเป็นช่วงที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แก่จัดและแห้งสนิท ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะมีคุณภาพดีและความชื้นต่ำ ทำให้ได้ราคาดี นอกจากนี้ยังมีการคัดแยกสิ่งปลอมปนด้วย

ด้านการบริหารจัดการ ทางแปลงใหญ่มีเป้าหมายที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการเครื่องจักรกล การบริหารจัดการการผลิต และการบริหารการตลาด

ด้านการตลาด เป็นการดำเนินการกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องโดยทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา กับบริษัท รุ่งเรืองผล จำกัด จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเมื่อถึงช่วงระยะเวลาการเก็บเกี่ยวคณะกรรมการกลุ่มจะแจ้งไปยังผู้รับซื้อ เพื่อยืนยันปริมาณผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวพร้อมต่อรองราคาผลผลิต โดนลานรับซื้อจะให้ราคาผลผลิตที่มาจากแปลงใหญ่สูงกว่าผลผลิตทั่วไปกิโลกรัมละ 0.20 – 0.35 บาท ขึ้นอยู่กับความชื้นของผลผลิต

ทั้งนี้ จากผลสำเร็จการดำเนินการของกลุ่มแปลงใหญ่ ส่งผลให้เกษตรกรสมาชิกกลุ่มมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 224,595 บาท/ปี/ราย จากก่อนเข้าร่วมโครงการฯ 136,541 บาท/ปี/ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 65

สำหรับแนวทางการพัฒนาและยกระดับวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตำบลวังตะเคียนในระยะต่อไปเน้นการสร้างรายได้เกิดมูลค่าเพิ่มจากเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ ผลิตเป็นส่วนผสมอาหารสุกรขายให้กับสมาชิกกลุ่มที่มีการเลี้ยงสุกร ปลูกขายในรูปแบบข้าวโพดต้นอ่อนเป็นพืชอาหารโคเนื้อสร้างรายได้ในระยะสั้นอีกทางหนึ่ง กลุ่มจะเป็นตัวแทนขายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เพื่อขายให้ชุมชน

หากท่านใดที่สนใจข้อมูลการผลิต และผลการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวโพดหลังนาตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี สามารถสอบถามได้ที่ นายประสิทธิ์ ย้อยดา ประธานแปลงใหญ่ เบอร์โทร 08 9093 1480