นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากการจัดตั้งกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 เพื่อให้มีการพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ได้กำหนดหลักเกณฑ์ฯ ช่วยเหลือหรืออุดหนุน กิจการที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือแรงงานหลายประการ เพื่อส่งเสริมให้แรงงานทุกกลุ่มได้รับการพัฒนาและเข้าสู่กระบวนการทดสอบมาตรฐานฝีมือฯ เพิ่มมากขึ้น
โดยสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คน เข้าข่ายที่ต้องปฏิบัติตามพรบ.ดังกล่าวคือ ต้องจัดฝึกอบรมพนักงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพนักงานทั้งหมด คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานได้เห็นชอบ ให้จ่ายเงินอุดหนุนจำนวน 200 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน แก่ผู้ประกอบกิจการที่ดำเนินการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่ลูกจ้าง ในส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 70 ของลูกจ้างทั้งหมด ตัวอย่างเช่น สถานประกอบกิจการมีลูกจ้างทั้งหมด 1,000 คน ฝึกอบรมพนักงานในปี 61 จำนวน 850 คน ซึ่งเป็นการจัดอบรมพนักงานเกินกว่าร้อยละ 70 จำนวน 150 คน (ร้อยละ 70 ของลูกจ้างเท่ากับ 700 คน) มีสิทธิขอรับเงินอุดหนุนจำนวน 30,000 บาท
นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรณีที่สถานประกอบกิจการส่งลูกจ้างเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและผ่านการทดสอบ พร้อมทั้งจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน กพร.ให้เงินอุดหนุนอีก 1,000 บาทต่อคน ทั้งนี้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท อีกกรณีคือ สถานประกอบกิจการจัดทำมาตรฐานฝีมือของตนเอง แล้วนำไปใช้ทดสอบแก่ลูกจ้างของตนเอง ในส่วนนี้ก็ได้รับเงินอุดหนุนเช่นกัน โดยอุดหนุนให้สาขา ระดับละ 10,000 บาท ตัวอย่างเช่น จัดทำมาตรฐานเพียง 1 สาขา แต่มี 2 ระดับ มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนถึง 20,000 บาท เป็นต้น
ในปี 2562 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้รับการจัดสรรจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนตามมาตรการดังกล่าวเป็นเงิน 15 ล้านบาท ปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการ ได้รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนดังกล่าวไปแล้วจำนวน 580 แห่ง เป็นเงิน 10,122,780 บาท
“สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าหลักเกณฑ์ สามารถติดต่อขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนในแต่ละกรณี สามารถติดต่อสถาบัน/สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2643 6039 หรือ 0 2643 4977 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4” อธิบดี กพร.กล่าว