กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผยสรรพคุณของน้ำนมตามตำราโบราณ ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย พร้อมแนะนำสมุนไพร ที่มีแคลเซียมสูงช่วยเสริมสรรพคุณของน้ำนม
นายแพทย์สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (The Food and Agriculture Organization หรือ FAO) กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน เป็นวันดื่มนมโลก (World Milk Day) เป็นที่รู้จักกันว่าน้ำนมเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่สำคัญต่อการเจริญของคนตลอดทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะในเด็ก น้ำนมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการด้านต่าง ๆ นอกจากโปรตีนและแคลเซียมแล้ว ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โพแทสเซียม คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย รวมถึงการพัฒนาของระบบประสาทและสมอง ใน 1 วัน เราควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว หรือประมาณ 400 มิลลิลิตร เพื่อการมีสุขภาพที่ดี
น้ำนม ในตำราเภสัชกรรมไทยระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ เช่น น้ำนมแม่ มีรสหวานเย็น บำรุงกำลัง ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการท้องผูก น้ำนมโค มีรสหวานมัน ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย น้ำนมแพะ รสหวานฝาด บำรุงร่างกาย บรรเทาอาการท้องเสีย บรรเทาอาการไอ ดังนั้น ในวันดื่มนมโลกปีนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ขอร่วมรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการเพิ่มแคลเซียมให้แก่ร่างกายด้วยดื่มนม และเลือกดื่มนมให้เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพที่กำลังประสบอยู่
นอกจากน้ำนมช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกแล้ว ยังมีผักพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เป็นอีกตัวช่วยอย่างหนึ่งในการบำรุงกระดูก เช่น ยอดมะรุม ยอดสะเดา คะน้า ผักแพรว กะเพรา ใบชะพลู ใบเหลียง ฟักทอง ผักบุ้ง ฯลฯ ซึ่งหากนำมาปรุงอาหาร ก็สามารถช่วยบำรุงกระดูก และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้เช่นกัน ถือเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเสริมฤทธิ์กลุ่มเดียวกัน จึงอยากแนะนำแม่บ้าน ที่ปรุงอาหารหากจะคิดเมนูสุขภาพ อย่าลืมประยุกต์ใช้พืชผักสมุนไพรและธัญพืชให้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ