กระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนไทยร่วมการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ณ กรุงมอสโก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ EAEU พร้อมเร่งหารือประเด็นสถานการณ์การค้าโลกและแนวทางขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า รวมทั้งได้ตอบรับคำเชิญ ร่วมเวทีการประชุมด้านเศรษฐกิจนานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการนโยบายทางการค้าและการส่งเสริมการลงทุนของไทย
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union: EAEU) ในวันที่ 4 มิถุนายน 2562 ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ซึ่งนางสาวชุติมาจะเป็นประธานร่วมกับนางทัตยานา วาโลวายา รัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย เพื่อหารือแนวทางกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับ EAEU โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องสถานการณ์การค้าโลก นโยบายเศรษฐกิจการค้าการลงทุน แนวทางขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้า ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูล เรื่องกฎระเบียบทางการค้าของแต่ละฝ่าย เป็นต้น การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึก ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ ยังมีกำหนดพบหารือกับนักธุรกิจรายใหญ่ของ EAEU ที่แสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนในไทยกว่า 50 ราย อีกด้วย
นางสาวชุติมา เสริมว่า หลังจากนั้นคณะผู้แทนฯ จะเดินทางเข้าร่วมประชุม St. Petersburg International Economic Forum (SPIEF) ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2562 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตามคำเชิญของนาย Anton KOBYAKOV ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียและเลขาธิการคณะกรรมการจัดงาน โดยหัวข้อหลักของการประชุม SPIEF ในปีนี้ครอบคลุมเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและการค้าระหว่างประเทศ บทบาทของเทคโนโลยีในการกำหนดอนาคต การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคดิจิทัล เป็นต้น ซึ่ง SPIEF ถือเป็นเวทีการประชุมด้านเศรษฐกิจนานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ความสำคัญและเข้าร่วมเป็นประจำทุกปี โดยที่ผ่านมา มีผู้แทนระดับสูงทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงนักวิชาการและสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศ เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้แทนไทยจะได้พบกับภาครัฐและเอกชนของประเทศสมาชิก EAEU เพื่อให้ข้อมูลเรื่องนโยบายมาตรการทางการค้า และการส่งเสริมการลงทุนของไทย ตลอดจนการติดตามประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ภูมิภาคให้ความสำคัญด้วย
ทั้งนี้ EAEU เป็นเขตเศรษฐกิจร่วมที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศคือ รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน ซึ่งประเทศสมาชิกสามารถเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ ทุน และแรงงานได้อย่างเสรี โดยการค้าระหว่างไทยกับ EAEU กว่าร้อยละ 97 เป็นการค้าระหว่างไทยกับรัสเซีย ในปี 2561 ไทยและ EAEU มีมูลค่าการค้ารวม 3,754.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไป EAEU 1,225.21 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เป็นต้น ขณะที่การนำเข้าของไทยจาก EAEU มีมูลค่า 2,529.74 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนระหว่างไทยและ EAEU เกือบทั้งหมดเป็นการลงทุนระหว่างไทยและรัสเซีย โดยระหว่างปี 2548-2560 การลงทุนโดยตรงของรัสเซียในไทยมีมูลค่า 3,812.05 ล้านเหรียญสหรัฐ