กรมโยธาธิการและผังเมือง MOU มหาวิทยาลัยรามคำแหง และบริษัท เซโซน (SAEZONE) จำกัด วิจัยด้านคอนกรีตจากมวลรวมรีไซเคิล (Recycled Aggregate Concrete)

กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในการดำเนินงานวิจัยด้านคอนกรีตจากมวลรวมรีไซเคิล (Recycled Aggregate Concrete) ระหว่างกรมโยธาธิการและผังเมือง มหาวิทยาลัยรามคำแหง และบริษัท เซโซน (SAEZONE) จำกัด ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๐ น.ณ ห้องประชุมนริศรานุสรณ์ ชั้น ๑๑ กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ ๖

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ในครั้งนี้ เป็นการลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง และบริษัท เซโซน จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์ ความร่วมมือทางด้านการศึกษา การวิจัย ฝึกอบรม สัมมนา และดูงาน รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรอบรมเฉพาะทาง การแลกเปลี่ยนข้อสนเทศเกี่ยวกับระบบการศึกษา การสนับสนุนด้านการวิจัย ตลอดจนการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนานักศึกษา การจัดโครงการเพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตคอนกรีตจากมวลรวมรีไซเคิล (Recycled Aggregate Concrete) ทั้งนี้ภารกิจของกรมโยธาธิการและผังเมืองที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง พร้อมทั้งตระหนักถึงปัญหาของการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่นำไปใช้ในงานก่อสร้างนั้นจะส่งผลให้ต้นทุนของวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น อาทิเช่น วัสดุหินและทราย ซึ่งทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้พิจารณาหาแนวทางการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นองค์กรการศึกษาที่ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าว และ มีความร่วมมือกับบริษัท เซโซน จำกัด ในการศึกษาวิจัยด้านคอนกรีตจากมวลรวมรีไซเคิลที่จะสามารถนำมาใช้เป็นมวลรวมสำหรับการผสมคอนกรีตเพื่อเพิ่มคุณค่าและลดปริมาณเศษวัสดุคอนกรีตจากการก่อสร้าง เพื่อทดแทนวัสดุหินที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน จากแนวคิดที่สอดคล้องกันจึงเห็นว่าควรมีการบูรณาการร่วมกันที่จะนำผลการศึกษาต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้จริง

ในพิธีลงนามความร่วมมือฯ ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยคณะผู้บริหารของกรมโยธาธิการและผังเมือง คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะผู้บริหารบริษัท เซโซน จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จำนวนประมาณ ๖๐ คน