เครือ ร.พ.กรุงเทพ จัดแคมเปญ POWER OF GENERATION: TOTAL CARE

 

โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ และโรงพยาบาลวัฒโนสถ ผนึกกำลัง จัดแคมเปญ Power of Generation : Total Care เสริมสร้างศักยภาพทุกช่วงวัย ให้คุณใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เต็มพลัง เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุมให้กับทุกไลฟ์สไตล์ ทุกช่วงวัย โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มช่วงวัย ได้แก่ กลุ่มวัยเด็ก(Power of Kids) กลุ่มผู้หญิง(Power of  Women) กลุ่มผู้ชาย(Power of Men)  และกลุ่มวัยผู้สูงอายุ (Power of Boomers) ซึ่งกลุ่มเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด วัยรุ่นตอนต้น ไปจนถึงวัยรุ่นตอนโตจะมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย การเคลื่อนไหว การสื่อสาร อารมณ์ และสังคม

ดังนั้น การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจคือ สิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ ผู้หญิงในแต่ละช่วงตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกันส่งผลให้การดูแลสุขภาพต่างกัน ผู้หญิงควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงในระยะยาวทั้งในช่วงก่อนและหลังตั้งครรภ์ อย่าให้อ้วน ควรตรวจสุขภาพโดยรวมอยู่เสมอ เพื่อจะได้ห่างไกลจากโรคหัวใจ หรือโรคมะเร็งในสตรี ส่วนผู้ชายโดยส่วนใหญ่มีกิจกรรมหรือมีไลฟ์สไตล์ที่ออกแรงหรือใช้พลังมากกว่าผู้หญิง รวมทั้งอาจละเลยหรือลืมที่จะเอาใจใส่ดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายในวัยรุ่น วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ ไม่ควรละเลยการดูแลป้องกันโรคในระยะยาว อาทิ ภาวะการนอนกรน โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็ง และสำหรับผู้หญิงที่อายุมากขึ้น อาจมีปัญหานอนไม่หลับ เหงื่อออก ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน ช่องคลอดหลวม ขาดความมั่นใจ ไอ จาม ปัสสาวะเล็ด ผู้ชายเมื่ออายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงกับโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ภาวะความเสื่อมของดวงตา ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ  ข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นความเสื่อมที่ยากจะหลีกเลี่ยง ดังนั้นทุกคนจึงควรให้ความสำคัญและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไปนานๆ

นพ.พูลศักดิ์ ไวความดี สูตินรีแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ รพ.กรุงเทพ กล่าวถึงประเด็น ตรวจก่อนแต่ง พร้อมให้จริงก่อนมีลูกว่า อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน บวกกับความเสื่อมของร่างกายที่เกิดขึ้นตามวัย เป็นเหตุผลสำคัญที่คู่สมรสที่เตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนใส่ใจดูแลและเรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหาสุขภาพอย่างถูกต้อง การวางแผนครอบครัวเพื่อจะได้มีบุตรที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ควรเตรียมตัวเตรียมใจให้ถูกต้อง การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดเพื่อสืบหาโรคที่เป็นพาหะเพื่อไม่ให้โรคถ่ายทอดไปสู่ทารกในครรภ์ได้  หากพบความผิดปกติ จะได้หาวิธีตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เริ่มต้นจาก

1.ขอคำปรึกษาและคำแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทาง

2.หากอยากมีบุตรทันที ฝ่ายหญิงต้องมีการเตรียมความพร้อม ควรรับประทานโฟลิคแอซิดก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน

3.แต่หากยังไม่อยากตั้งครรภ์ แพทย์สามารถแนะนำวิธีคุมกำเนิด

4.ผู้หญิงบางคนอาจมีซีสต์ หรือเนื้องอก หากตรวจพบปัญหาก่อนตั้งครรภ์ จะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งแม่และลูกในขณะตั้งครรภ์

5.การตรวจเลือดเพื่อหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การเจาะเลือด การตรวจหากรุ๊ปเลือดหมู่โลหิต เอ บี โอ  และหมู่โลหิตอาร์เอช ถึงแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นหมู่โลหิตอาร์เอชบวก (Rh positive) แต่ก็พบเลือดชนิดอาร์เอชลบได้บ้าง หากฝ่ายหญิงมีเลือดเป็นอาร์เอชลบ (Rh negative) และสามีเป็นอาร์เอชบวก เมื่อตั้งครรภ์ทารกในครรภ์อาจจะมีความเสี่ยงได้

นอกจากนี้การตรวจเลือดทั้งสองฝ่ายช่วยให้ทราบถึงพาหะธาลัสซีเมียที่สามารถถ่ายทอดสู่ทารกในครรภ์ การตรวจเลือดคุณผู้ชายมีประโยชน์เพื่อหาความผิดปกติของโรคต่างๆ ที่จะเป็นพาหะหรือโรคติดเชื้อไปยังฝ่ายหญิงและส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เช่น การตรวจหาเชื้อซิฟิลิส โรคเอดส์ และไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น

พญ.วนิชา ปัญญาคำเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึงการคลอดบุตรอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูก และจะรับมืออย่างไรกับภาวะครรภ์เสี่ยงว่า เมื่อถึงวันที่คุณแม่ตั้งครรภ์ การตรวจครรภ์ และฝากครรภ์กับทีมสูติ-นรีแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อวินิจฉัยคุณแม่ตั้งครรภ์ทีมีความเสี่ยงสูงย่อมช่วยป้องกันและรักษาความผิดปกติขณะตั้งครรภ์  เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ความผิดปกติของทารกในครรภ์เบาหวานในคุณแม่ตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ธาลัสซีเมียในทารก เป็นต้น โดยการทำงานร่วมกันกับทีมกุมารแพทย์ทารกแรกเกิดที่มีความชำนาญเฉพาะทาง สามารถรับมือเมื่อเกิดภาวะทารกแรกเกิดวิกฤติ อาทิ คลอดก่อนกำหนด ครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น ได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้คุณแม่ปลอดภัย เจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลกได้อย่างสมบูรณ์และเติบโตอย่างมีคุณภาพ

การฝากครรภ์มีความสำคัญกับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณแม่ทราบถึงการปฏิบัติตัวที่ถูกวิธีระหว่างตั้งครรภ์ ตั้งแต่การดูแลตัวเอง การดูแลทารกในครรภ์ และการรับประทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังช่วยตรวจหาคุณแม่ที่มีครรภ์เสี่ยงสูง (High – Risk Pregnancy) เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ คลอดก่อนกำหนด ความดันโลหิตสูงในคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นต้น สำหรับการตรวจความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ สูตินรีแพทย์จะทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อประเมินความเสี่ยงที่ทารกจะมีโครโมโซมผิดปกติ ช่วงอายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์ ความผิดปกติของทารกในครรภ์อย่างละเอียดช่วงอายุครรภ์ 18-22 สัปดาห์ และประเมินการเติบโตของทารกช่วง 32-34 สัปดาห์ หากคุณแม่ตั้งครรภ์ทราบถึงความผิดปกติได้เร็วย่อมช่วยให้การดูแลทารกตั้งแต่ก่อนคลอด และหลังคลอดทำได้ดี เพื่อสุขภาพของคุณแม่และคุณลูกที่สมบูรณ์แข็งแรง

พญ.อรวรรณ อิทธิโสภณกุล แพทย์กุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด รพ.กรุงเทพ ให้ข้อมูลเรื่อง ทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU) มีความเสี่ยงอย่างไร ไว้ว่า ทารกหลังคลอดที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่องในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิดวิกฤตมีทั้งทารกคลอดครบกำหนดที่มีปัญหาหลังคลอดและทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งการดูแลทารกที่มีปัญหาเหล่านี้ จำเป็นต้องได้รับการดูแล ใน NICU ที่มีความพร้อมของทั้งทีมแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งต้องอยู่ใน NICU มีเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการดูแลเด็กทารกที่มีปัญหาหลังคลอดอย่างครบครัน ในกรณีทารกคลอดก่อนกำหนด มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ จะมีการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายยังไม่สมบูรณ์ทารกกลุ่มนี้ควรได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อให้มีพัฒนาการที่ดีเหมือนกับทารกคลอดครบกำหนด มีการติดตามพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในด้านพัฒนาการ การได้ยิน และการมองเห็น

พญ.หยิงฉี หวัง สูตินรีแพทย์ด้านการผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึง ไอ จาม จนปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดแห้ง ปัญหาที่พบบ่อยกับผู้หญิงสูงวัย ว่า ผู้หญิงที่อายุมากขึ้นย่อมส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เป็นความเสื่อมตามวัย ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหาภายในผู้หญิง อย่าง อาการช่องคลอดแห้ง ซึ่งอาจต้องใช้ฮอร์โมนรักษา ช่องคลอดหลวม ไอ จาม ปัสสาวะเล็ด อาจต้องผ่าตัด  ส่วนอวัยวะเพศคล้ำ หย่อนคล้อย ทำให้เกิดความกังวลและขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต แต่ด้วยเทคโนโลยีการรักษาในปัจจุบันช่วยแก้ปัญหาภายในให้กับผู้หญิงได้ ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น Fractional Co2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแสงเลเซอร์ 360 องศาที่มาพร้อมสแกนเนอร์ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูช่องคลอดผู้หญิง โดยแสงเลเซอร์จะผ่านสแกนเนอร์ไปยังผนังช่องคลอดเพื่อกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ทำให้ผลิตและจัดเรียงเส้นคอลลาเจนบริเวณเยื่อบุผิวได้เพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ปรับสมดุลให้ผนังช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น 90° ช่วยลดอาการไอ จาม ปัสสาวะเล็ด อีกทั้งยังมีสแกนเนอร์สำหรับผิวด้านนอกอวัยวะเพศหญิงที่จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวและผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป ลดความคล้ำลง