วันนี้พี่หนุ่ม-สุทน จะพาเดินทางไปเที่ยวตามเส้นทางที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยาเค้านำคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์ เดินทางไปเก็บข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา
เราเริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯเวลา 07.30 น .เดินทางเข้าตัวเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา แวะกินขนมจีนร้านป้าประไพร สุดยอดขนมจีนของพระนครศรีอยุธยา เสร็จแล้วเดินทางไปเส้นทางอยุธยา อ.วังน้อย ให้มองทางด้านขวามือมีเส้นทางเข้าวัดสามเรือนแวะนมัสการขอพรหลวงพ่อแก้ว อดีตเจ้าอาวาสวัดสามเรือนตำนานความขลังพลังจิตของชาวกรุงเก่าอยุธยา แล้วเดินทางเข้าชุมชนบ้านสามเรือน ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของเห็ดตับเต่าขึ้นมาตามธรรมชาติใต้ดงต้นโสนพื้นที่ชุ่มน้ำมีมากในเขต ต.สามเรือนและพักแรมโฮมสเตย์ได้ สามารถรองรับได้มากถึง 50 คน และเดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านลุงหอมเป็นภูมิปัญญาของลุงหอมที่เก็บสะสมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆตั้งแต่สมัยวัยรุ่นมาถึงปัจจุบันอายุ 86 ปี ลุงหอมจะบรรยายให้ฟังเรื่องราวของเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านลุงหอม
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชุมชนบ้านสามเรือนพลาดไม่ได้ พี่หนุ่ม-สุทน ขอแนะนำต้องกินอาหารประจำท้องถิ่น เช่นผัดดอกโสนจิ้มน้ำพริกกะปิบวกปลาทอดกรอบๆ สุดยอดความอร่อยและยำเห็ดตับเต่า ผัดพริกใบกะเพราเห็ดตับเต่าและชิมไอศกรีมเห็ดตับเต่าหากินได้ยาก เสร็จแล้วเดินทางต่อไปวัดชุมพลนิกายาราม เป็นวัดประจำสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดฯสร้างวัดนี้ขึ้นมาคู่กับพระราชวังบางปะอิน เพราะเป็นนิวาสสถานของพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง วัดชุมพลนิกายารามต่อมาเมื่อหมดยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว เข้ามาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดฯให้บูรณะวัดนี้ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูป 7 องค์สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์เรียกว่าพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ พุทธลักษณะงดงามมาก ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติงดงามที่สุดขอบอกหาชมได้ยาก สำหรับด้านหลังพระอุโบสถประดิษฐานองศ์พระสยามเทวาธิราชเป็นองค์จำลองสร้างขึ้นมาสมัยรัชกาลที่ 4 และมีศาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองประดิษฐานด้วย แล้วเดินทางต่อข้ามกระเช้าไปวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหารตั้งอยู่เกาะกลางน้ำเจ้าพระยา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน วัดนิเวศธรรมประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯให้บูรณะพระราชวังบางปะอินแล้ว ทรงโปรดฯให้จัดสร้างวัดนิเวศธรรมประวัติขึ้นมาเพื่อทรงประกอบพระราชพิธีต่างๆ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินพระวังบางปะอิน แต่ทรงโปรดฯ ให้จัดสร้างวัดเป็นแบบฝรั่งหรือศิลปะตะวันตกโดยเฉพาะตัวโบสถ์หรือพระอุโบสถของชาวคริส และทรงมีความประสงค์ตามรูปแบบไม่เหมือนวัดใดๆ ในสยามประเทศ เช่นตัวพระอุโบสถสร้างเป็นศิลปะแบบโบสถ์คริสดูโดดเด่นและสวยงาม ส่วนภายในประดิษฐานองค์พระประธานคือหลวงพ่อนฤมลธรรมโมภาสเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวเดินทางมานมัสการขอพรกันมาก สำหรับด้านหน้าโบสถ์ซ้ายเป็นศาลาประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ด้านขวาศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยลพบุรี สำหรับกุฏิพระภิกษุสามเณรเป็นรูปแบบศิลปะตะวันตกและบริเวณวัดมีต้นพระศรีมหาโพธิ์และพันธุ์ไม้นานาชนิดร่มรื่น ลมพัดผ่านมาเย็นสบายๆ
เสร็จแล้วเดินทางข้ามกระเช้ากลับมาลานจอดรถ แล้วเดินทางต่อไปตลาดเก่าบ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ตลาดเก่าบ้านแพนเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีมีเรือนแพในแม่น้ำน้อยและเรือสินค้าเป็นเรือสำเภาเข้ามาเทียบท่า ดังนั้นจึงคึกคักด้วยพ่อค้า แม่ค้าและชาวจีนเข้ามาส่งสินค้า มีเรือนแพเต็มริมแม่น้ำน้อย จึงได้มีการจัดสร้างโรงเตี้ยมเป็นที่พักแรมของชาวเรือสินค้าและต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเรือเมล์ชั้นครึ่งหรือเรือเมล์แดงวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากท่าเตียนเข้าแม่น้ำน้อยจอดท่าเรือบ้านแพนและไป อ.ผักไฮ่และท่าเรือตลาดวิเศษชัยชาญอ่างทองไปสุดแม่น้ำน้อยเมืองชัยนาท ส่วนตลาดริมแม่น้ำน้อยบ้านแพน เมื่อความเจริญเข้ามาถนนหนทางมากขึ้นเรือนแพเริ่มหมดไปยกขึ้นเป็นตลาดบก(เหลือแต่ซากโรงเตี้ยมเก่าแก่เก็บไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ)ตลาดเก่าบ้านแพนยังคงอนุรักษ์รักษาไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมและกินกุ้งเผ่าอยุธยาร้านริมแม่น้ำน้อยโอโภชนา เป็นร้านอาหารเล็กๆเก่าแก่แต่รสชาติอาหารถูกใจนักกินนักชิม นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟสดนั่งชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำน้อย มีสถานที่จอดรถสะดวกสบายลานจอดรถหน้าที่ว่าการอำเภอเสนาติดแม่น้ำน้อย
อิ่มท้องสบายแล้ว ได้เวลาเดินทางต่อไปวัดช้างใหญ่ ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา วัดช้างใหญ่เป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและเคยเป็นพื้นที่เลี้ยงช้าง สำหรับฝึกช้างเพื่อใช้ออกศึกสงครามโดยเฉพาะช้างคู่บ้านคู่เมืองและคู่บารมีสองพระองค์คือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ และทางวัดช้างใหญ่ได้สร้างอนุสรณ์ช้างไว้และพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวก็สามารถขอพรได้ ส่วนวิหารเก่าประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตพระพุทธรูปโบราณสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากชาวมอญมาตั้งบ้านเรือนเป็นชุมชนชาวมอญหรือรามัญแล้วได้ร่วมกันบูรณะวัดช้างใหญ่ขึ้นมาใหม่ จึงกลายเป็นวัดประจำชุมชนชาวมอญ เสร็จแล้วเดินทางไปวัดตูมเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง วัดตูมเป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา และภายในอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมื่อชาวสยามได้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี 2310 เชื่อกันว่ามีชาวเมืองได้ยกพระพุทธรูปองค์นี้มาซุกซ่อนไว้ในป่าใกล้ๆ กับวัดตูมเมื่อความเจริญเข้ามาชาวบ้านได้พบองค์พระพุทธรูปทรงเครื่ององค์นี้แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานบนหอฉัน ต่อมาทางวัดตูมทำความสะอาดบริเวณหอฉันที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ปรากฎว่าเห็นพระเศียร์เปิดได้จึงยกขึ้นดูก็เห็นมีน้ำอยู่ในพระเศียร์กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วและต่อมาหลวงพ่อหมื่นอุดมอดีตเจ้าอาวาสวัดตูมท่านได้เรียกนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่าหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน แล้วเดินทางเข้าตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาแวะวัดเสนาสนาราชวรวิหาร ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา วัดนี้แต่เดิมชื่อวัดท่าเสื่อตั้งอยู่ในเขตพระราชวังจันทรเกษมและเป็นวัดร้างเพราะชาวสยามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี 2310 และต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงโปรดฯ ให้บูรณะวัดท่าเสื่อขึ้นมาใหม่และทรงโปรดฯ พระราชทานนามว่าวัดเสนาสนารามราชวรวิหารเป็นวัดสวยงามโดยเฉพาะตัวพระอุโบสถดูโดดเด่นและงดงาม ส่วนภายในประดิษฐานพระสัมพุทธมุนีในซุ้มเรือนแก้วยอดมหามงกุฎพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องสมัยกรุงศรีอยุธยา สำหรับอาคารหน้าวัดยังคงอนุรักษ์ไว้ได้งดงามสมกับเป็นวัดโบราณเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา
ได้เวลาแล้วเข้าที่พักศาลาอยุธยาเป็นที่พักติดแม่น้ำเจ้าพระยาสุดคลาสสิคในห้องพักหรูหราโอ่อ่ามาก พักผ่อนนอนหลับสบาย รุ่งขึ้นเช้าอาหารเช้าริมแม่น้ำเจ้ายาอากาศดี วิวทิวทัศน์สวยงามและลมพัดผ่านมาเย็นเบาๆ สดชื่นอากาศยามเช้าพร้อมกาแฟสดและน้ำชาอุ่นๆ ชิลๆ ฮ่าๆ คุยกันไปทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติดูเพลิดเพลินบรรยากาศสบายๆ มีเรือพ่วง เรือโยงผ่านไปมาและตรงข้ามคือ วัดพุทไธศวรรย์ สถานที่ย้อนประวัติศาสตร์เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงตั้งพระตำหนักเวียงเหล็กแล้วข้ามแม่น้ำเจ้ายาทรงสร้างราชธานีกรุงศรีอยุธยา
เที่ยวเมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา เล่าเรื่องประวัติศาสตร์และสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบ้านสามเรือน เพื่อการเรียนรู้เห็ดตับเต่าแล้วมาพักแรมศาลาอยุธยา น่าสนใจมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยวสนใจเส้นทางท่องเที่ยวตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยาเค้าจัดทำขึ้น เพื่อเป็นเส้นทางนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา(ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณอาคารศาลากลางหลังเก่าโทรศัพท์ 035 322 730 -1 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา08.30 – 16.30 น.
และขอบคุณผอ.อรสา อาวุธคม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยาให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์ เป็นอย่างดี การในครั้งนี้มีประโยชน์มากสำหรับการนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา และขอให้เส้นทางนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่อยู่ในใจของนักเดินทางท่องเที่ยวทุกท่านครับ
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา
#เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน
#เที่ยวเพลิน #bigmaptravel
#ชมรมนักข่าวท่องเที่ยวออนไลน์