วันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.00 น. นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนาศักยภาพองค์การสวัสดิการสังคม ปี 2562 รุ่นที่ 2 ณ โรงแรมอะเดรียติด พาเลส กรุงเทพมหานคร
นางนภา กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการสังคมตามกฎหมาย ให้แก่องค์การสวัสดิการสังคม (หน่วยงานของรัฐ องค์กรสาธารณประโยชน์ และองค์กรสวัสดิการชุมชน) โดยให้องค์กรสามารถเขียนโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากเงินกองทุนในการส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่องค์การสวัสดิการสังคมและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้บริการด้านสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย กองทุนฯนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญตามนโยบายรัฐบาล ที่ผลักดันให้หุ้นส่วนทางสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม แบ่งเบาภาระของภาครัฐและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการมีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์การสวัสดิการสังคม จึงได้จัด “โครงการพัฒนาศักยภาพองค์การสวัสดิการสังคม ปี 2562 (รุ่นที่2)” ขึ้น ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2562 แก่กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์การสวัสดิการสังคม ข้าราชการ พนักงานที่รับผิดชอบงานกองทุนฯ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 129 คน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนส่งสวัสดิการสังคม สถานการณ์ด้านการจัดสวัสดิการสังคมในปัจจุบัน และยังเป็นการพัฒนาทักษะ แนวทางการเขียนและจัดทำโครงการแบบบูรณาการด้านการจัดสวัสดิการสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับเกียรติจาก นายชินชัย ชี้เจริญ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วันเพ็ญ พงษ์เก่า อุปนายกสมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ นางสันธิมา โพธิวัตถุธรรม อนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนกองทุนฯ และนายธนชัย อาจหาญ เป็นวิทยากรบรรยายและอภิปราย
นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในด้านการจัดสวัสดิการสังคม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่ เป็นการสร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานสวัสดิการสังคมแบบบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและสังคมต่อไป นางนภา กล่าวในตอนท้าย