นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พร้อมทั้งเป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565 “ร้อยใจภักดิ์ พระบารมีปกเกล้า” และกิจกรรมจิตอาสาสาธารณกุศล ในวันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงคมนาคม
เพื่อเผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อให้ประชาชนได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา อันก่อให้เกิดคุณูปการต่อประเทศไทย โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงคมนาคม สื่อมวลชน และประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 70 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระวิริยะ นำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขของพสกนิกร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กระทรวงคมนาคมจึงได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้หัวข้อ “ร้อยใจภักดิ์ พระบารมีปกเกล้า” ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2565 ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ ภายในงานมีบูธลงนามถวายพระพรชัยมงคลแบบออนไลน์ การจัดกิจกรรมจิตอาสาสาธารณกุศลและยังมีไฮไลท์ของงานคือการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้หัวข้อ “ร้อยใจภักดิ์ พระบารมีปกเกล้า” ซึ่งเป็นการนำผลการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคม ที่สนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาท และน้อมนำแนวพระราชดำริและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประพฤติปฏิบัติ ทั้งการวางยุทธศาสตร์ การปรับปรุง พัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อความผาสุกของปวงชนชาวไทยและความก้าวไกลของประเทศ โดยนิทรรศการดังกล่าว ประกอบด้วยนิทรรศการย่อย 5 ด้านที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ได้แก่
1. สนองพระราชปณิธานสรรค์สร้างคมนาคม ใต้ร่มพระบารมี ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนแผนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างระบบการคมนาคม เสริมสร้างเส้นทางการคมนาคมทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อให้การเดินทางครอบคลุมและเข้าถึงทั่วทุกพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว ทันสมัย และปลอดภัย ลดปัญหาการเดินทางและปัญหาสิ่งแวดล้อม ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนได้อย่างยั่งยืน โดยมี 4 เป้าหมายด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ได้แก่
1) การเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่ง
2) การใช้ประโยชน์สูงสุดจากประชาคมอาเซียน
3) การสร้างรากฐานความมั่นคงด้านคมนาคม
4) การสร้างรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
โดยมีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม 5 แผน ได้แก่ แผนงานที่ 1 การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง แผนงานที่ 2 การพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แผนงานที่ 3 การเพิ่มขีดความสามารถทางหลวงเชื่อมโยงฐานการผลิตของประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน แผนงานที่ 4 การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางนํ้า แผนงานที่ 5 การเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการ ขนส่งทางอากาศ
2. สนองพระราชปณิธาน เปิดน่านฟ้าพัฒนาสู่สากล ด้วยการมุ่งยกระดับคุณภาพการคมนาคมทางอากาศให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล ผลักดันและพัฒนาท่าอากาศยาน รองรับผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการเดินทางและการขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่เศรษฐกิจในท้องถิ่น พร้อมพัฒนาบุคลากรและการจราจรทางอากาศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
3. สนองพระราชปณิธาน สานทาง สร้างความสุข ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาเส้นทางและการขนส่ง เร่งขยายโครงข่ายการเชื่อมต่อทุกภูมิภาคให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ พร้อมยกระดับการคมนาคมทางบกให้มีประสิทธิภาพทันสมัย แก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ กระจายความเจริญสู่ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนที่ยั่งยืน
4. สนองพระราชปณิธาน วางรากฐานระบบราง สร้างชาติพัฒนา ด้วยการเร่งรัดพัฒนาการขนส่งและการคมนาคมทางราง เชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยมีการขนส่งทางรางเชื่อมต่อ ยกระดับศักยภาพระบบรางให้ทันสมัย ร่นระยะเวลาในการเดินทาง ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชนให้รวดเร็ว เข้าถึงประชาชน ลดปัญหามลภาวะและการจราจรทางบกพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
5. สนองพระราชปณิธาน น่านน้ำวัฒนะ ด้วยพระบารมี ด้วยการมุ่งพัฒนาระบบการคมนาคมทางน้ำ เชื่อมโยงโครงข่ายระบบการคมนาคมอื่น ให้สามารถเชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำได้อย่างสะดวกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่ประหยัดรวดเร็วและปลอดภัย แก้ไขปัญหาการจราจรทางบก ลดระยะเวลาในการเดินทาง พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรม รวมทั้งการขนส่งสินค้าทางเรือ เพื่อขยายและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
กระทรวงคมนาคม ขอเชิญชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาที่ทรงน้อมนำ สืบสาน ต่อยอด พระราชดำริ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนพระราชปณิธานอันแน่วแน่ มั่นคง ที่ทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง นำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขของพสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดิน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้