กระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 ร่วมหารือผู้บริหารกรุงเทพมหานครในการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาด พร้อมบริหารจัดการสถานการณ์ ด้านมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการทางสังคม ยา และวัคซีนรวมถึงความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร UHOSNET และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 (ศปค.สธ.) ครั้งที่ 5/2565 โดยมี ผศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมในระบบออนไลน์
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เนื่องจากพบแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์ BA.4 , BA.5 กระทรวงสาธารณสุขในฐานะ ศปค.สธ. ดูแลระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ จึงได้เชิญกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และวางแผนเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ ทั้งมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ เตียง การเข้าถึงยา การรักษา มาตรการทางสังคมและวัคซีน รวมถึงการร่วมมือสนับสนุน บริหารจัดการสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยขณะนี้การติดเชื้อกว่าครึ่งเกิดในพื้นที่ กทม. มีสถานพยาบาลที่เป็นกำลังหลักคือ สังกัด กทม. โรงเรียนแพทย์ ทำงานร่วมกับเอกชน ซึ่งพบว่าขณะนี้สถานการณ์เตียงของ กทม. ยังสามารถบริหารจัดการและขยายเพิ่มได้ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งการทำแผนบริหารจัดการ บูรณาการการดูแลโดยใช้คณะกรรมการ กทม. ที่มีผู้ว่าฯ เป็นประธาน และสนับสนุนการสำรองยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกโรงพยาบาลมียาใช้อย่างเหมาะสมและเพียงพอ
ด้าน พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนยาให้กับ กทม. เพื่อแจกจ่ายไปยังผู้ติดเชื้อและอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องได้รับยาตามแนวทางของกรมการแพทย์ สำหรับเตียงของ กทม. แม้ขณะนี้จะยังเพียงพอ แต่ต้องมีการบริการจัดการและร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ระบบส่งต่อไร้รอยต่อ
โดยขณะนี้ กทม.มีศูนย์เอราวัณ เป็นผู้ประสานส่งต่อผู้ป่วยใน 6 โซนหลัก ส่วนความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของพื้นที่กทม. จากการสนับสนุนวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขทำให้ทุกจุดบริการพร้อมให้บริการ โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 100% และวัคซีนเข็มกระตุ้นเกินกว่า 80% และจะขยายวันจัดบริการในวันเสาร์ และจัดบริการเชิงรุกถึงบ้านผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมให้มากขึ้น
***************************18 กรกฎาคม 2565