กระทรวงสาธารณสุข เผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 53 จำนวน 40.7 ตัน จาก 185 คดี มูลค่ารวมกว่า 34,688 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นยาบ้า ไอซ์ เฮโรอีน โดยใช้เตาเผาอุณหภูมิสูง มีระบบควบคุมมลพิษที่เหลือจากการเผา ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ ศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 53 ประจำปี 2565 โดยมี ผู้บริหารจากทุกส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดยในปีนี้ยาเสพติดให้โทษของกลางจากคลังเก็บรักษายาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่ทำการเผาทำลายมีจำนวน 40,706.715381 กิโลกรัมจาก 185 คดี มูลค่ากว่า 34,688 ล้านบาท ประกอบด้วย เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) น้ำหนักกว่า 23,365 กิโลกรัม เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) น้ำหนักกว่า 14,482 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนักกว่า 738 กิโลกรัม MDMA/MDA/MDE (ยาอี/ยาเลิฟ) น้ำหนักประมาณ 4.66 กิโลกรัม ฝิ่นน้ำหนักกว่า 29 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีวัตถุออกฤทธิ์อื่นๆ อาทิ เคตามีน ไนเมตาซีแพม น้ำหนักรวมกว่า 2,086 กิโลกรัม
ของกลางทั้งหมดจะถูกเผาทำลายด้วยเตาเผาขยะอันตราย (Hazardous waste Incinerator) ซึ่งเป็นระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NG) มีระบบควบคุมสารมลพิษที่เหลือจากการเผาทำลายและการตรวจสอบควบคุมสารมลพิษ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย เตาเผาชุดที่ 1 แบบหมุน (Rotary Kiln Rotary Kiln) ควบคุมอุณหภูมิมากกว่า 850 องศาเซลเซียส เตาเผาชุดที่ 2 เตาเผาซ้ำแบบทรงกลมตั้ง ควบคุมอุณหภูมิมากกว่า 1,200 องศาเซลเซียส เพื่อให้มั่นใจว่าสารประกอบอินทรีย์อันตรายที่เกิดขึ้นถูกทำลายไปมากกว่า 99.99% โดยรอบนี้ได้กำหนดเผาทำลาย 2 วัน คือวันที่ วันที่ 5-6 กรกฎาคม 2565
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่หลักในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ป้องกันไม่ให้กลับมาเสพซ้ำ ในปีงบประมาณ 2565 ได้นำผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 1,209 แห่งทั่วประเทศ รวม 74,671 คน แบ่งเป็น ระบบสมัครใจบำบัด 42,812 คน บังคับบำบัด 20,425 คน ต้องโทษ 10,149 คน และศาลส่งบำบัด 1,285 คน ทั้งนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมให้คำปรึกษาและนำเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาที่ได้มาตรฐานสากล โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเลิกยาเสพติดได้ที่ สายด่วน 1165 ตลอด 24 ชั่วโมง