ภายหลังจากการเข้าร่วมประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 2 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปลายเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีน 9 แห่ง โดยมีนางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมเพื่อปรับแผนส่งเสริมการส่งออกรายมณฑล โดยเน้นการทำตลาดเป็นรายสินค้าในตลาดเมืองรองที่มีศักยภาพ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2561 การส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนคิดเป็นมูลค่า 30,175 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+2.27%) ขณะที่ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกของไทยเริ่มชะลอตัวลงโดยลดลงร้อยละ 9.15 จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 6,694 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าในห่วงโซ่อุปทานของไทยไปยังประเทศจีนลดลง อาทิ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ขณะที่สินค้าไทยที่ยังคงมีศักยภาพในตลาดจีน ได้แก่ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และลำไย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ฯ ได้ย้ำถึงการวางแผนการตลาดการค้าและบริการไทยในจีนว่า ที่ผ่านมาการเจาะขยายตลาดในเมืองหลัก อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว คุนหมิง หนานหนิง ชิงเต่า เซียะเหมิน รวมทั้งฮ่องกง เป็นไปด้วยดี ทำให้การค้าไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น และมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาผู้บริโภคชาวจีน อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายมณฑลที่ตั้งอยู่ตอนกลาง และตอนเหนือของประเทศ อันเป็นที่ตั้งของเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนอีกหลายเท่า ซึ่งยังมีโอกาสที่จะส่งเสริมสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและต้องการของผู้บริโภค สั่งการให้ทุกสำนักงานเร่งจัดทำแผนเจาะขยายเมืองรองในมณฑล อาทิ กุ้ยโจว หูหนาน (สินค้าที่มีลู่ทาง คือ ผลไม้สด) ยูนนาน (สินค้าที่มีลู่ทาง ได้แก่ เครื่องปรุงรส ขนมขบเคี้ยว ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง กล้วยไม้) หนิงเซียะ กานซู (สินค้าที่มีลู่ทาง ได้แก่ สินค้าฮาลาล) ซานตง เหอเป่ย จี๋หลิน เหลียวหนิง (สินค้าที่มีลู่ทาง ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้สด เครื่องสำอาง) อันฮุย เหอหนาน หูเป่ย (สินค้าที่มีลู่ทาง ได้แก่ อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจโลจิสติกส์) ฝูเจี้ยน เจียนซี (สินค้าที่มีลู่ทาง ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค ไม้ยางพารา)
นอกจากการติดตามการดำเนินงานด้านนโยบายแล้วยังได้สั่งการให้ทุกสำนักงาน ติดตามกฎระเบียบการค้าโดยเฉพาะการตรวจเข้มตามด่านการค้าระหว่างประเทศของจีนทั้งทางรถยนต์และทางเรือ และโครงการตรวจโรงสีและโรงงานไก่ของหน่วยงานด้านการควบคุมคุณภาพสินค้าของจีน อีกทั้งให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในภูมิภาคจีนเร่งเครื่องทำการตลาดเพื่อเพิ่มช่องทางการค้าสินค้าเกษตรแปรรูปและนวัตกรรม เช่น ข้าวอินทรีย์ ข้าวสี รวมถึงข้าว กข 43 ซึ่งล้วนเป็นพันธุ์ข้าวที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งต่อยอดความนิยมทุเรียนไทยของผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งนอกเหนือจากขนมขบเคี้ยวที่มีการนำทุเรียนมาเป็นวัตถุดิบหลักในการแปรรูปหรือเป็นส่วนประกอบแล้ว ปัจจุบันได้มีการนำใบอ่อนของทุเรียนมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (แผ่นมาส์กหน้า) รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีการแต่งกลิ่นทุเรียน (น้ำนมมะพร้าวหรือน้ำนมข้าวรสทุเรียน) เป็นต้น
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า การเพิ่มช่องทางการค้าโดยเน้นบุกเจาะเมืองรองผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในระดับมณฑลก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ โดยในเบื้องต้นจะจัดทัพผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าตามหัวเมืองใหญ่ของจีนก่อน เช่น งาน Canton Fair งาน China International Import Expo (CIIE) เนื่องจากเป็นงานที่มีผู้นำเข้าจากทั่วประเทศจีนเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก สำหรับงานแสดงสินค้าอื่นๆ ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเข้าร่วมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น งาน China-ASEAN Expo (CAEXPO) และ Top Thai Brands Kunming จะต่อยอดความสำเร็จจากการทำให้ผู้บริโภคในภูมิภาคจีนตอนใต้และตะวันตกได้เริ่มรู้จักสินค้าไทย เป็นการทำให้สินค้าไทยสามารถครองใจและติดตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนผ่านการเพิ่มสัดส่วนการจัดกิจกรรม Business Matching ให้มากขึ้น รวมถึงยกระดับการขายสินค้าไทยเข้าสู่ช่องทาง e-commerce ชั้นนำของจีน อาทิ Alibaba.com Tmall.com JD.com Kunming.1688.com เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานปรับแผนงาน โดยเฉพาะการทำตลาดเมืองรอง รวมถึงทบทวนเป้าส่งออกสำหรับการเข้าร่วมประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศประจำปีในเดือนพฤษภาคม ช่วงงาน THAIFEX – World of Food Asia 2019 ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562