คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบมีมติให้บูรณาการผู้รับผิดชอบงานควบคุมยาสูบระดับจังหวัดผ่านกลไก คผยจ.

กระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ เห็นชอบให้มีการบูรณาการผู้รับผิดชอบงานควบคุมยาสูบในระดับพื้นที่ โดยขอให้คณะกรรมการควบคุมยาสูบจังหวัดพิจารณากรอบคนทำงานตามบทบาทหน้าที่เพื่อประสิทธิภาพการควบคุมยาสูบให้บรรลุเป้าหมาย

ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) ครั้งที่ 2/2562 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานในระดับจังหวัด บูรณาการผู้ขับเคลื่อนงานควบคุมการบริโภคยาสูบในระดับพื้นที่ โดยขอให้คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด (คผยจ.) ทุกจังหวัด พิจารณาปรับโครงสร้างการทำงานให้เหมาะสม โดยกำหนดจากผลสำเร็จของงานควบคุมยาสูบในแต่ละจังหวัด รวมถึงการสร้างขวัญกำลังใจคนทำงานควบคุมยาสูบ  เพื่อมุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่อย่างยั่งยืน ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี วันที่ 1 พฤษภาคม 2562

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คผยช. กล่าวว่า งานควบคุมยาสูบ ปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับประเทศ ระดับส่วนกลาง และระดับภูมิภาค โดยมีถึง 64 จังหวัด  ที่มีผู้รับผิดชอบงานควบคุมยาสูบมีเพียงคนเดียว และยังเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานควบคุมยาสูบร่วมกับงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอีกหลายภารกิจด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ ที่ประชุมขอให้คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด (คผยจ.) มีการประเมินกลไกการทำงาน รวมถึงการทบทวนบทบาทภาระงานในผู้รับผิดชอบงานให้เหมาะสม  โดยขอให้มีการกำหนดโครงสร้างการทำงาน การกำหนดภาระงานให้ชัดเจน สำหรับหน่วยงานส่วนกลาง มีการพิจารณาเห็นชอบกรอบอัตราการทำงานควบคุมยาสูบ

นายแพทย์สุวรรณชัยฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้เรือนจำ หรือ ทัณฑสถานตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ เป็นสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ ในการเตรียมการรองรับไว้เป็นอย่างดี และเร็ววันนี้จะมีการผลักดันยาช่วยเลิกบุหรี่เข้าสู่ระบบบัญชียาหลัก เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงยา และเป็นทางเลือกในการเลิกบุหรี่ที่เหมาะสมต่อไป