นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ดำเนินการให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้เสนอมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มน้ำมัน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 และเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เพื่อเร่งรัดนำน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินจำนวน 160,000 ตัน ไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และผลักดันการใช้ด้านพลังงาน และกนป. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ (เฉพาะกิจ) เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการ ปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธานอนุกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานร่วมเป็นอนุกรรมการ
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ราคาผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาอากาศร้อนจัดส่งผลให้ผลปาล์ม มีสภาพสุกแดดจากความร้อน จนทำให้ทางใบและคอปาล์มพับลงมา เกษตรกรจึงต้องเร่งตัดผลปาล์มเพื่อส่งขายให้กับโรงสกัด ซึ่งเกษตรกรต้องรอคิวนาน 1-2 วัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้น และเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มลดลง รวมทั้งขณะนี้เป็นช่วงใกล้เปิดเทอมเกษตรกรเร่งตัดผลปาล์มเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุตรหลาน ในขณะที่การส่งออกลดลง เนื่องจากสหภาพยุโรปออกมาตรการยกเลิกใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ รวมทั้งการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มอันดับ 1 ของโลก
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้บูรณาการการดำเนินมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ภายใต้คณะอนุกรรมการฯ โดยได้ประกาศรับสมัครผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ถึง 1 มี.ค. 62 ซึ่งครบถ้วนตามเป้าหมาย 160,000 ตันแล้ว และปัจจุบัน (26 เม.ย. 62) กฟผ. ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบแล้วจำนวน 152,000 ตัน คงเหลือที่จะรับมอบเพิ่มเติมอีก 8,000 ตัน ภายในเดือนเมษายน 2562
สำหรับการผลักดันการใช้ด้านพลังงาน ได้กำหนดเป้าหมายการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 วันละ 20 ล้านลิตร ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานได้เร่งรัดขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งการประกาศรับรองมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน บี 20 กำหนดยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่สามารถใช้ บี 20 ได้ การเพิ่มสถานที่จำหน่ายเพื่อกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ การส่งเสริมบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความพร้อมในการพัฒนาเครื่องยนต์ของรถยนต์รุ่นใหม่ให้รองรับการใช้ บี 20 รวมทั้งมาตรการลดราคาจำหน่ายบี 20 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท และการลดภาษีรถยนต์ที่ใช้ไบโอดีเซล ซึ่งมาตรการจูงใจดังกล่าวจะสามารถรองรับน้ำมันปาล์มดิบได้ปีละมากกว่า 1,270,000 ตัน
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าการขับเคลื่อนมาตรการของภาครัฐทั้งสองมาตรการ จะช่วยลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ประมาณ 370,000 ตัน ให้คงเหลือในระดับสต็อกปกติ ในอีก 2 เดือนข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ ให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรอยู่ได้ ต่อไป