นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ ๒๕เมษายน ๒๕๖๒ ตามเวลาประเทศไทย ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ได้ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ (Special ๓๐๑) ประจำปี ๒๕๖๒ โดยในปีนี้ประเทศไทยสามารถรักษาสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch list: WL) ได้ต่อไป หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ปรับสถานะไทยให้ดีขึ้นจากบัญชีที่ต้องจับต้องพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็น WL เมื่อปี ๒๕๖๐
ในการประกาศครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ชื่นชมนโนบายและความก้าวหน้าด้านการคุ้มครองและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยหลายเรื่อง โดยเฉพาะการที่ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการปราบปรามการละเมิด โดยได้กำกับดูแลและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และมีการทำงานเชิงบูรณการของหน่วยงานด้านการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งทำให้เกิดผลที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ได้ชื่นชมการดำเนินการคุ้มครองและส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาในหลายด้าน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา การมีระบบจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศภายใต้พิธีสารมาดริดฯ การเสนอแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการจดทะเบียนและเตรียมความพร้อมในการเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการปราบปรามการละเมิดทั้งในท้องตลาดและบนอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้ นางสาวชุติมาฯ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวด้วยว่า ผลการจัดสถานะประจำปีนี้ถือว่าน่าพอใจ และขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมแรงร่วมใจในการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด อาทิ กอ.รมน. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพากร กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. สำนักงาน ปปง. และสำนักงาน อย. เป็นต้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีเช่นนี้ต่อไป
แม้สหรัฐฯ จะแสดงความชื่นชมในความพยายามของไทย แต่ไทยยังคงต้องมุ่งมั่นพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา อย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะการปราบปรามการละเมิดฯ การปรับปรุงพัฒนากฎหมาย และการเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนสิทธิบัตร เป็นต้น
นางสาวชุติมาฯ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่ไทยสามารถรักษาสถานะการคุ้มครองฯ ได้ในปีนี้ นอกจากการเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐฯ แล้ว การดำเนินการของไทยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเหมาะสมกับระดับการพัฒนาประเทศ อีกทั้ง ยังกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานและปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป