หมอห่วงประชาชนบริโภคทุเรียนในปริมาณมาก เสี่ยงเกิดอาการร้อนใน เป็นไข้ตัวร้อน แนะนำให้รับประทานน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลและช่วยดับร้อน
นายแพทย์สรรพงศ์ ฤทธิรักษา ประธานศูนย์ข้อมูลยาสมุนไพรการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตทุเรียนถูกนำออกจำหน่ายวางขายตามท้องตลาด ด้วยรสชาติหอมหวาน และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้หลาย ๆ คนชื่นชอบในรสชาติ แม้ว่าทุเรียนจะมีราคาค่อนข้างสูง ประชาชนก็ยังนิยมรับประทาน แต่หากรับประทานปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้อุณหภูมิ ภายในร่างกายเพิ่มมากขึ้น เกิดแผลร้อนใน เป็นไข้ตัวร้อน ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน อาจอาการกำเริบได้
ทุเรียนมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื้อทุเรียน 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรี่ อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุหลายชนิด แร่ธาตุซัลเฟอร์หรือกำมะถัน ทำให้ทุเรียนมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ จากการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับไขมันในเลือด แต่เป็นเพียงการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น แม้จะมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แต่ทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาลสูง จึงควรจำกัดปริมาณในการบริโภค และทุเรียนไม่ควรรับประทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย เกิดอาการหน้าแดง ชาตามร่างกาย วิงเวียน คลื่นไส้ และทำให้อาเจียนได้
สรรพคุณตามตำรายาไทยระบุว่า เนื้อทุเรียน มีรสหวาน ร้อน ช่วยบรรเทาอาการจุกเสียด บำรุงกำลัง และเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ตามองค์ความรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านแนะนำว่า หากรับประทานทุเรียนแล้ว ให้รับประทานมังคุดตาม เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน ทำให้ร่างกายร้อนขึ้น และมังคุด มีฤทธิ์เย็นจะช่วย ลดความร้อนในร่างกาย การรับประทานคู่กันช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล ระหว่างการบริโภคทุเรียน คนส่วนใหญ่มักจะหาเครื่องดื่มดับร้อน จึงขอแนะนำน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นสามารถดับร้อนจากการบริโภคทุเรียนได้ เช่น น้ำใบบัวบก น้ำใบย่านาง น้ำแตงโม และไม่ควรดื่มน้ำอัดลมระหว่างรับประทานทุเรียน เพราะจะทำให้เกิดแก๊สและแน่นท้องมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากมีอาการร้อนใน หรือเป็นไข้แล้ว ขอแนะนำให้ใช้ยาเขียวหอม ซึ่งเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ซึ่งสามารถลดความร้อนภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือใช้สิทธิ์เบิกได้ตามภูมิลำเนาในโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแป้งและน้ำตาล ควบคุมการบริโภคอย่างเคร่งครัด จึงจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย