สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ เตือนหากมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสมองอาจทำให้สมองฝ่อ ส่งผลกระทบต่อความจำ อารมณ์และพฤติกรรม แนะเลี่ยงพฤติกรรมร้ายทำลายสมอง
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคสมองฝ่อเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ สาเหตุหลัก คือการเสื่อมของเซลล์สมองเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดโรคสมองฝ่อ เช่น การนอนที่ไม่มีคุณภาพ สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด ซึ่งทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนซึ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายและสมอง
แพทย์หญิงไพรัตน์ แสงดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สมองฝ่อคือภาวะที่ปริมาณเนื้อสมองลดลง เป็นการเสื่อมของอวัยวะในร่างกายตามธรรมชาติ แต่เกิดกับสมองและมักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุวัย 75 ปี ขึ้นไป โดยมีปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุ เช่น การเสื่อมของสมองตามวัย เกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะกระทบกระเทือนสมอง การทานยาบางชนิด โรคประจำตัวบางชนิด เช่น การขาดวิตามินบี12 โรคติดเชื้อในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสมอง เช่น ภาวะความเครียด พักผ่อนน้อย เป็นต้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้ ลืมสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองลดลง ความจำเสื่อม หลงลืม มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป สำหรับการรักษาโรคสมองฝ่อ หากพบสาเหตุที่แก้ไขได้จะให้การรักษาตามสาเหตุและให้การรักษา
ตามอาการ ควรหลีกเลี่ยงรับประทานยาที่มีผลต่อการทำงานของสมอง ควรปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยกับการประกอบกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยกินอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนการป้องกันการเกิดโรคสมองฝ่อ สามารถป้องกันได้หากปรับพฤติกรรมให้เป็นประโยชน์ต่อสมอง อาทิ หมั่นออกกำลังกายสมอง เช่น ฝึกคิด การเล่นหมากรุก ฝึกคิดเลข รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ดื่มสุรา งดสูบบุหรี่ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นต้น