สธ.เน้นมาตรการรถพยาบาลเพื่อความปลอดภัยผู้โดยสารขณะส่งต่อผู้ป่วย

กระทรวงสาธารณสุข เน้นมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถพยาบาลและความคุ้มครองอุบัติเหตุทางถนน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ทั้งผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และญาติ ขณะส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งจากการวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุ พบมาจากการขับรถเร็ว ฝ่าสัญญาณไฟจราจร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อมูลรถพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขขณะปฏิบัติการนำส่งผู้ป่วยที่เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังพบว่า ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากการขับรถเร็ว ฝ่าสัญญาณไฟจราจร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ข้อมูลในปี 2559 – 2562 เกิดอุบัติเหตุ 110 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 318 ราย เป็นพยาบาลและบุคลากรในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 129 ราย เสียชีวิต 4 ราย พิการ 2 ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บ 58 ราย เสียชีวิต 3 ราย คู่กรณีเสียชีวิต 14 ราย ส่วนใหญ่เกิดขณะส่งต่อผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลถึงร้อยละ 80 กระทรวงสาธารณสุข จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถพยาบาลและความคุ้มครองอุบัติเหตุทางถนน ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี วันที่ 19 เมษายน 2562

นายแพทย์ประพนธ์ กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำสำหรับรถพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขอทำความเข้าใจว่า หลักการส่งต่อระหว่างสถานพยาบาลนั้น คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย และมาตรฐานในการรักษาพยาบาลเป็นสำคัญ แพทย์เจ้าของไข้จะทำการประเมินแล้วว่าผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่ ไม่อยู่ในภาวะวิกฤต คาดว่าจะไม่ทรุดลงรุนแรงขณะนำส่งถึงโรงพยาบาลปลายทาง  และการเปิดไซเรนหรือไฟฉุกเฉินเป็นการแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบว่าภายในรถมีผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม รถพยาบาลยังคงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก และใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด หากใช้ความเร็วสูงแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุจะรุนแรง ทำให้เกิดโอกาสการเสียชีวิตได้มาก สำหรับการให้หยุดรถพยาบาลในจุดที่ปลอดภัยเพื่อทำหัตถการนั้น เนื่องจากการทำหัตถการขณะรถวิ่ง พยาบาลและเจ้าหน้าที่จะต้องปลดเข็มขัดนิรภัยมาทำหัตถการ ทำให้บุคลากรของเราอยู่ในความเสี่ยง จึงมีนโยบายให้รถพยาบาลทุกที่นั่งติดตั้งเข็มขัดนิรภัย

กระทรวงสาธารณสุขห่วงใยในสวัสดิภาพของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ประชาชนเข้าใจแนวทางการปฏิบัติที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย 2P Safety” นายแพทย์ประพนธ์กล่าว