รัฐมนตรีเกษตรฯ พร้อมแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริ หารงานให้เกิดประโยชน์ในการส่ งเสริมพัฒนาอาชีพตามวัตถุ ประสงค์ของกองทุนฟื้นฟูและพั ฒนาเกษตรกร ได้มากยิ่งขึ้น
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่ าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มสมาพันธ์เกษตรกรแห่ งประเทศไทย (สกท.) นำโดยนายยศวัศจ์ ชัยวัฒนสิริกุล ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์ เกษตรกรแห่งประเทศไทย ได้นำกลุ่มมวลชน ประมาณ 500 คน มาติดตามข้อเรียกร้องที่ได้แจ้ งไว้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ขอให้แก้ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพั ฒนาเกษตรกร จำนวน 3 มาตรา 2) ขอให้ออกระเบียบคณะกรรมการกองทุ นฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และ 3) ขอให้ออกคำสั่งคณะทำงานการมีส่ วนร่วมในการแก้ปัญหาหนี้สิ นของสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพั ฒนาเกษตรกร ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อเรียกร้องดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกั บกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้ องครบถ้วนทั้ง 3 ประเด็น โดยข้อเรียกร้องประเด็นที่ 1 การแก้ พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพั ฒนาเกษตรกร จำนวน 3 มาตรา ได้มีการลงนามถึงรองนายกรั ฐมนตรี (นายสมคิด จาตุรพิทักษ์) เพื่อให้ความเห็นชอบและดำเนิ นการการต่อไป ส่วนประเด็นที่ 2 และ 3 ได้ลงนามในคำสั่งและประกาศ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูอาชี พของเกษตรกร สมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพั ฒนาเกษตรกร (กฟก.)
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิ จารณาแล้วเห็นว่า การแก้กฎหมายกองทุนฟื้นฟูทั้ง 3 มาตราดังกล่าวจะเกิดประโยชน์กั บเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ และจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริ หารงานให้เกิดประโยชน์ในการส่ งเสริมพัฒนาอาชีพตามวัตถุ ประสงค์ของกองทุนฟื้นฟูฯได้ มากขึ้น จึงได้เห็นชอบและลงนามในตามข้ อเรียกร้องดังกล่าว ประกอบด้วย มาตรา 16 แก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของผู้ ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนเกษตรกร เพิ่มจาก 2 ปีเป็น 4 ปี ทำให้คณะกรรมการสามารถทำงานได้ ยาวนานขึ้น และประหยัดงบประมาณในการเลือกตั้ งได้เป็นจำนวนมาก มาตรา 23 แก้ไขที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ และสาขาจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ เพื่อให้สามารถจัดหาที่ตั้ งของสำนักงานได้ตามความจำเป็ นมากขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ.เดิมกำหนดไว้ว่าจะต้องมี ที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครเท่ านั้น และมาตรา 37/9 ปรับปรุงแก้ไขวิธีการชำระหนี้ แทนเกษตรกร กรณีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และบุคคลค้ำประกัน ให้กองทุนสามารถซื้อหนี้ที่มีบุ คคลค้ำได้ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถช่วยแก้ปั ญหาหนี้สินของเกษตรกรได้ครอบคลุ มมากยิ่งขึ้น
สำหรับระเบียบคณะกรรมการกองทุ นฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ก็จะสามารถใช้ ในการเสนอโครงการส่งเสริมฟื้นฟู อาชีพของสมาชิกกองทุน เพื่อเพิ่มรายได้ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้ นตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ และในส่วนของคำสั่ งคณะทำงานการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ ปัญหาหนี้สินของสมาชิกกองทุนฟื้ นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามมติ ครม.วันที่ 7 เมษายน 2553 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลื อสมาชิก กฟก.จำนวน 3,000 กว่าราย ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลื อภายใต้มติดังกล่าว แต่หมดระยะเวลาของโครงการ และกำลังได้รับความเดือดร้อนหนั ก อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มมีความพึงพอใจในการเร่ งรัดแก้ปัญหาและดำเนินการตามข้ อเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้ อมที่จะเร่งดำเนินการดังกล่ าวเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้ นของพี่น้องเกษตรกร