แม้จะเกิดมาด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนคนทั่วไป แต่ด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความใฝ่ฝันอันแน่วแน่ที่จะเป็นครูและรักในงานศิลปะ ทำให้สิ่งที่ “พรสวรรค์ ทรงเจริญ” หรือ “โอลีฟ” เป็นอยู่ ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้เธอย่อท้อ และยังคงความมุ่งมั่นที่จะส่งต่อองค์ความรู้ด้านศิลปะเพื่อเติมเต็มโอกาสให้กับนักเรียนที่เธอดูแลฝึกสอนอยู่ในเวลานี้ ให้ได้พัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะอย่างเต็มที่ตามวัยที่ควรได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้
ปัจจุบัน โอลีฟ หรือชื่อเล่นจริง ๆ ที่ครอบครัวตั้งให้คือ “น้องอีฟ” เป็นนิสิตระดับปริญญาตรี หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) สาขาวิชาศิลปศึกษา (5ปี) คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กำลังเป็นครูฝึกสอนด้านศิลปะอยู่ที่โรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์ และด้วยโอกาสในการร่วมกิจกรรมทางศิลปะกับเพื่อนสนิทตอนเรียนมัธยมปลายบ่อยครั้ง แม้ไม่ได้มีใจที่ปลูกฝังมาตั้งแต่แรก แต่ก็ซึมซับจนได้มาเรียนเพื่อเป็นครูศิลปะ ที่มีจิตสาธารณะมุ่งสร้างประโยชน์แก่สังคม
จับพลัดจับผลูมาเรียนเป็นครูศิลปะ
“จริง ๆ แล้วไม่ใช่คนที่ชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรอกค่ะ ความใฝ่ฝันจริง ๆ คืออยากเป็นครูสอนภาษาไทยมากกว่า แต่ที่ชอบศิลปะก็มาจากการซึมซับจากเพื่อนสนิทที่ชื่นชอบการวาดรูป ชอบศิลปะ ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเขา แล้วก็มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมด้านศิลปะหลายครั้งจนรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สนุก เลยเลือกเรียนด้านนี้ หลังจากที่จบ ม.6โชคดีตอนแอดมิดชั่นติดที่ มศว ตั้งแต่นั้นมาก็มุ่งมั่นทางด้านการเรียนเพื่อเป็นครูศิลปะมาตลอดค่ะ”
แรงบันดาลใจในการเป็น “ครู”
“สมัยเด็ก ๆ มีครูท่านหนึ่งที่เราชื่นชม และรู้สึกประทับใจท่านมาก ๆ ซึ่งท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เรามีความใฝ่ฝันอยากเป็นครูมาจนถึงทุกวันนี้ และอีกอย่างสมาชิกในครอบครัวคือคุณน้า ก็เป็นครูเช่นเดียวกัน ยิ่งทำให้เรามีโอกาสได้คลุกคลี และชื่นชมต่อบุคคลในอาชีพครู เลยทำให้มีความใฝ่ฝันต่ออาชีพนี้มาก”
ความผิดปกติไม่ใช่อุปสรรค
“ร่างกายโอลีฟ มีปัญหาคือไม่มีแขนข้างซ้ายมาแต่กำเนิดค่ะ จริง ๆ ก็มีหลายครั้งที่ท้อเหมือนกัน เพราะร่างกายของเราไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนคนอื่น งานศิลปะหลายอย่างอาจเหมาะสำหรับคนที่มีแขน มีมือครบ แต่เรามีปัญหาด้านนี้ เวลาที่ต้องสอน ต้องสาธิตให้เด็กนักเรียนดูตัวอย่างก็ค่อนข้างลำบาก แต่จุดแข็งที่เรามีคือความรู้ ที่เราพร้อมจะสื่อสารออกไปเพื่อให้นักเรียนเข้าใจ แม้จะท้อบ้าง แต่มันไม่ใช่อุปสรรคที่เราจะส่งต่อความรู้ด้านศิลปะให้กับน้อง ๆ เลยค่ะ”
ความตั้งใจหลังสำเร็จการศึกษาจากรั้ว มศว
“ยังคงตั้งใจกับอาชีพครูแน่นอนค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจยิ่งกว่านั้น คือการนำความรู้ด้านศิลปะไปเติมเต็มให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้บ้านเราที่ จ.พิษณุโลก โอลีฟทราบมาว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังขาดแคลนครูที่จะส่งเสริมความรู้ด้านศิลปะให้กับเด็กนักเรียน และนี่คือเป้าหมายหนึ่งที่ทำให้อยากกลับไปช่วยพัฒนาและให้โอกาสกับเด็ก ๆ ในท้องถิ่น ได้เรียนรู้ศิลปะ ซึ่งอาจเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่สามารถพัฒนาพวกเขาได้”
สิ่งที่ได้จากการเป็นนิสิตของคณะศิลปกรรมศาสตร์ ของ มศว
“ที่แน่ ๆ แล้วนอกจากความรู้ เรายังได้ทั้งประสบการณ์และความมีจิตสาธารณะ เพราะทางคณะศิลปกรรมศาสตร์ ของ มศว มีโครงการที่ช่วยส่งเสริมความมีจิตอาสาของนิสิตมากพอสมควร อย่างเช่นกิจกรรมค่ายศิลป์อาสาพัฒนาชุมชน ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของกิจกรรมค่ายอาสา ที่สนับสนุนให้นิสิตอาสาเป็นครูศิลปะให้กับน้อง ๆ ณ โรงเรียนที่ขาดแคลนครู ยิ่งเป็นการนำพาให้เราไปพบกับปัญหาและทำให้เรารู้ว่าความรู้ด้านศิลปะที่เรามีติดตัวมาจะช่วยอะไรแก่สังคมได้บ้าง ซึ่งนิสิตทุกคนก็ซึมซับลักษณะนิสัยที่มีจิตสาธารณะจากตรงนี้เช่นกัน”
ฝากกำลังใจถึงคนที่มีปัญหาทางร่างกายเหมือนโอลีฟ
“สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราท้อ คือการที่เราเอาตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เขาแลดูสมบูรณ์แบบกว่าเรา ซึ่งไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะคนทุกคนล้วนมีดีในแบบของตนเอง ถึงร่างกายเราจะขาดอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดไป แต่เรายังสามารถที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เติมเต็มความรู้ และพัฒนาตนเองต่อไปได้ในทิศทางที่เราถนัดได้ ขอแค่กำลังใจที่ไม่ย่อท้อ เราก็เป็นคนที่มีความพิเศษในแบบของเราได้เช่นกันค่ะ”