กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) เผยจีนปรับนโยบายเก็บภาษีการค้าทางอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนใหม่ ขยายโควตานำเข้าต่อครั้งเป็น 5,000 หยวน เพิ่มโควตาต่อปีเป็น 2.6 หมื่นหยวน พร้อมเพิ่มสินค้าให้นำเข้าอีก 63 รายการ ระบุยังเพิ่มโควตาการนำเข้าข้าวไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ชี้เป็นโอกาสในการขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน
นายสกรรจ์ แสนโสภา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศเลขที่ 194 ของศุลกากรจีน เรื่อง “ประกาศการบริหารควบคุมเกี่ยวกับสินค้านำเข้าส่งออกสำหรับค้าปลีกทาง E-Commerce ข้ามพรมแดน” ได้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการขยายเพดานโควตาการนำเข้าทาง E-Commerce ข้ามพรมแดน โดยเพิ่มโควตาการสั่งซื้อต่อครั้งสูงสุดจาก 2,000 หยวนเป็น 5,000 หยวน เพิ่มโควตาต่อปีจาก 2 หมื่นหยวนเป็น 2.6 หมื่นหยวน และกรณีสั่งซื้อสินค้ามากกว่า 5,000 หยวนในครั้งเดียว แต่มูลค่าสั่งซื้อรวมของทั้งปีไม่เกิน 2.6 หมื่นหยวน และจำนวนสินค้าเพียง 1 ชิ้น สามารถนำเข้าสินค้าโดยช่องทางนำเข้าค้าปลีกทาง E-Commerce ข้ามพรมแดนได้ แต่ต้องชำระภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีบริโภคตามขั้นตอนการนำเข้าทั่วไป
ทั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่น การนำเข้ากระเป๋า ราคา 5,000 หยวน เดิมต้องเสียภาษีนำเข้าและมูลค่าเพิ่ม 27.6% ไม่มีภาษีบริโภค โดยภาษีที่ต้องชำระ คือ 5,000*27.6% เท่ากับ 1,380 หยวน แต่ภายใต้เงื่อนไขใหม่ จะยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีบริโภค แต่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 16% โดยสามารถลดได้ 30% โดยมีภาษีที่ต้องชำระ คือ 5,000*16% *70% เท่ากับ 560 หยวน ซึ่งประหยัดเงินได้ 820 หยวน หรือกรณีนำเข้าสินค้ามากกว่า 5,000 หยวนในครั้งเดียว เช่น ซื้อนาฬิกา 2 ชิ้น ราคา 4,800 หยวนและ 5,200 หยวน (รวมแล้วไม่เกิน 2.6 หมื่นหยวน) จะเสียภาษีดังนี้ นาฬิการาคา 4,800 หยวน ยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีบริโภค แต่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 16% ลดได้ 30% เท่ากับ 4,800*16% *70% เท่ากับ 537.6 หยวน และนาฬิการาคา 5,200 หยวน เสียภาษีนำเข้าทั่วไป ยกเว้นภาษีบริโภค โดยต้องจ่ายภาษี 25.28% เท่ากับ 5,200*25.28% เท่ากับ 1,314.56 หยวน เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ได้มีการเพิ่มรายการสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาดจีนอีก 63 รายการ เช่น เบียร์ ข้าวมอลล์ เครื่องถนอมสายตา เครื่องเกมส์อิเล็กทรอนิกส์ หัวใบมีดโกนหนวด เพิ่มรายการสินค้าที่ต้องนำเข้ามาไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนก่อนส่งให้ผู้บริโภคในจีน เช่น ผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้าเก่า และเพิ่มสินค้าที่มีการจำกัดจำนวน เช่น ข้าว ให้นำเข้าได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อคนต่อปี น้ำตาลทราย นำเข้าได้ไม่เกิน 2 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
นายสกรรจ์กล่าวว่า นโยบาย E-Commerce ข้ามพรมแดนใหม่นี้ จะสร้างโอกาสให้กับผู้ส่งออกของไทย เพราะการเพิ่มจำนวนและเพดานโควตาการนำเข้าจะเป็นแรงผลักดันให้ชาวจีนสั่งซื้อสินค้าไทยผ่านช่องทาง E-Commerce ข้ามพรมแดนมากขึ้น และกรณีเพิ่มประเภทสินค้าอีก 63 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้ายอดนิยม ก็เป็นโอกาสที่ผู้ส่งออกไทยจะใช้โอกาสนี้พิจารณาว่าสินค้าอะไรกำลังได้รับความนิยมในจีน ก็สามารถทำการประชาสัมพันธ์และสร้างโอกาสขายได้
“ที่สำคัญที่สุด สินค้าข้าวที่แต่เดิมต้องมีโควตานำเข้า ซึ่งที่ผ่านมาเป็นข้อจำกัดในการส่งออกข้าวไทยไปยังจีนมาโดยตลอด แต่หลังมีการปรับเปลี่ยนและอนุญาตให้นำเข้าได้ แม้จะมีปริมาณจำกัดคนละ
20 กิโลกรัมต่อปีก็ตาม แต่โดยรวมแล้วก็เป็นจำนวนมาก หากมีการสั่งซื้อรวมๆ กัน ทำให้ข้าวไทยมีโอกาสเจาะเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกข้าวไทยจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองให้เป็นที่รู้จัก ก็จะเพิ่มโอกาสในการส่งออกมากขึ้น”นายสกรรจ์กล่าว
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือ โทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169
***************************************************************
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ