นายมานะ พงศานรากุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2562 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 364 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 22.82 และคิดเป็นอัตราเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 58.54 โดยคิดเป็นผลกำไรจำนวน 276 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายสมาชิกใหม่ และค่าธรรมเนียม
“ปัจจัยที่ทำให้ ไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด มีผลประกอบการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายถึง 22.82% ในไตรมาสแรก เป็นเพราะเรามีแพ็คเกจบัตรให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ค่อนข้างหลากหลาย และการบริการที่ตรงกับความต้องการและน่าประทับใจ รวมถึงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี ระบบหลังบ้านที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วขึ้น ทำให้สมาชิกฯ เข้าถึงบริการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบัน เรายังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยี และแอ็ปพลิเคชันต่างๆ เพื่อมุ่งพัฒนาการบริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า” นายมานะกล่าว
ข้อมูล | ปีงบประมาณ 2561
( 1 ตุลาคม 2560 – 30 กันยายน 2561) |
ไตรมาสที่ 1 ของปี 2562
( 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561) |
เป้าหมายที่ตั้งไว้ | 824 ล้านบาท | 296 ล้านบาท |
รายได้จากการขายบัตร | 1,021 ล้านบาท | 364 ล้านบาท |
ผลกำไรจากการขายบัตร | 671 ล้านบาท | 276 ล้านบาท |
สูงกว่าเป้าหมาย | 23.91% | 22.82% |
ปัจจุบัน สมาชิกไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด มีจำนวนทั้งิสิ้น 7,617 ราย (ณ วันที่ 25 มีนาคม 2562) แบ่งเป็นสมาชิกฯ รุ่นเก่า ตั้งแต่บริษัทฯ เปิดดำเนินการจนถึงปี 2556 จำนวน 2,445 ราย และสมาชิกฯ รุ่นใหม่ ตั้งแต่ปี 2557 จำนวน 5,172 ราย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตของยอดขายบัตรสมาชิก ประมาณร้อยละ 37 และสัญชาติของสมาชิกฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น อเมริกา และฝรั่งเศส
“บริษัทยังได้วางแผนพัฒนาและกำหนดกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจในระยะยาว 5 ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ว่าจะเป็น “ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชีย ที่ให้บริการด้านสิทธิพิเศษแก่บุคคลสำคัญเพื่อการพำนักในประเทศไทย” โดยมีแผนพัฒนาสินค้า การบริการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับสมาชิก รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการขายและการตลาดให้ตรงกับความต้องการตลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะต้องเพิ่มความใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการและสิทธิประโยชน์เด่นๆ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการดำเนินธุรกิจ เช่น เรื่องการอำนวยความสะดวกในเรื่องของการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง และติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่ต้อนรับประจำสนามบิน และบริการรถลีมูซีน
ซึ่งผมคาดหวังให้บริษัทฯ มีบทบาทในการช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของไทยในส่วนของนักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูงให้เกิดมีความยั่งยืน รวมถึงมีโอกาสทำประโยชน์และแสดงความขอบคุณแก่ชาวต่างชาติผู้ทำคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ให้แก่ประเทศไทย ดังเช่นกรณีการมอบบัตรอีลิทคาร์ดรุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ให้แก่อาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาช่วยกู้ภัยที่ถ้ำหลวง ซึ่งนอกจากการที่สมาชิกฯ เข้ามาพำนักอาศัยระยะยาว ทำให้เป็นการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนและใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว ความพึงพอใจและประทับใจในการได้รับการดูแลต้อนรับและบริการที่ดี ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย” นายมานะกล่าว