รมว.แรงงาน ประชุมทางไกลติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือการจัดการ 2 ศพคนงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่ไต้หวัน อำนวยความสะดวกญาติคนงานเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมชี้แจงสิทธิประโยชน์ที่ได้รับตามกฎหมาย
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมทางไกล (Video Conference ) เพื่อติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยกรณีไฟไหม้โรงงาน
ในไต้หวัน กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานและครอบครัวผู้เสียชีวิต ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลได้มีความห่วงใย
และเสียใจกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โรงงานชินพูน สาขาผิงเจิ้น เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเพลิงได้ลุกลามไปยังหอพักคนงานที่อยู่ติดกันจนเป็นเหตุให้แรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย คือ นายภานุพงษ์ เสงี่ยม อายุ24 ปี เป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา และนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในวันที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ได้เข้าไปช่วยเหลือในทันที โดยการฟื้นฟูและแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งในวันนี้ได้ประชุมทางไกลเพื่อหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงไทเป และญาติแรงงานไทยที่เสียชีวิต ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ญาติของแรงงานจะเดินทางไปทำพิธีทางศาสนาที่ไต้หวัน และจะนำเถ้าอัฐิมาบำเพ็ญกุศลต่อที่ประเทศไทย โดยนายจ้างจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ประกอบด้วย ค่าตั๋วเครื่องบินโดยสารและค่าที่พักให้ครอบครัวญาติแรงงานไทยครอบครัวละ 4 คน คาดว่าจะใช้เวลาในการจัดการศพเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินทางได้ภายในวันที่ 4 พ.ค.นี้
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้นายวิวัฒน์ ตังหงส์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ดูแลด้านเอกสารและขั้นตอนต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของญาติแรงงานไทย ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ทายาทแรงงานจะได้รับ ได้แก่ 1) สิทธิประโยชน์จากเงินกองทุนประกันภัยแรงงาน ซึ่งทายาทจะได้รับเงินทดแทนเป็นรายเดือนๆละประมาณ 3,300 บาท ตลอดชีวิต 2) ค่าช่วยเหลือทำศพครอบครัวละประมาณ 120,000 บาท 3) สิทธิประโยชน์จากการเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งทายาทจะได้รับรายละ 40,000 บาท และ 4) บริษัทจัดหางานจะมอบเงินช่วยเหลือให้อีกรายละประมาณ 100,000 บาท สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมของที่พักอาศัยของคนงาน พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ได้มอบนโยบายและกำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานไทยในประเทศไต้หวันได้ประสานการทำงานกับนายจ้างเพื่อตรวจสอบสถานประกอบการรวมทั้งที่พักคนงานให้มีความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอและสอดคล้องตามหลักกฎหมายมาตรฐานสากลอีกด้วย