นายกรัฐมนตรีชื่นชมการจัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย CCPOT GRAND EXPOSITION ของวธ. หลังรายงาน ครม. เผยมีผู้เข้าชมงาน 20 ประเทศกว่า 70,000 ราย เปิดตลาดใหม่จับคู่เจรจาธุรกิจ 265 คู่ค้า องค์กร-บริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศอุดหนุนสินค้าคึกคัก กวาดรายได้รวมกว่า 600 ล้านบาท พร้อมมีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวง นำแนวทางที่จัดงานแบบ Vertual Exibition ไปใช้ให้มากขึ้น
วันที่ 1 มีนาคม 2565 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมครม.รับทราบวีดิทัศน์และผลการจัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย CCPOT GRAND EXPOSITION จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 20 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ดำเนินการตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนงานโครงการลงทุนและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามแนวทางล้มแล้วลุกไว
วธ.จึงได้จัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชน CCPOT GRAND EXPOSITION เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนบทบาทสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ “วัฒนธรรมทำดี ทำงาน ทำเงิน” ที่มุ่งเน้นให้ชุมชนและผู้ประกอบการทางด้านวัฒนธรรมได้พัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันและช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่น กลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าและนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าชมงาน ทำให้เกิดการเจรจาการค้าและขยายโอกาสทางการตลาด และเลือกซื้อสินค้าได้จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าและเศรษฐกิจในระดับมหภาค
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทยที่จัดแสดงและจำหน่ายในงานครั้งนี้ ได้รับการออกแบบ พัฒนา สร้างสรรค์ ต่อยอดจากมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และทุนทางวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น เป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชั้นเยี่ยมมากกว่า 5,000 รายการ จาก 1,000 ชุมชนทั่วประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างชุมชนกับนักออกแบบ ทั้งด้านการผลิต การออกแบบและนวัตกรรม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นการแสดงถึงศักยภาพของทุนทางวัฒนธรรมไทย ที่พร้อมพัฒนาออกสู่สากล ภายในงานแบ่งพื้นที่การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็น 2 ส่วน
ได้แก่ ลานพาร์ค พารากอน ชั้น M จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของขวัญ ของฝาก อาหารแปรรูป และสมุนไพรปลอดสารพิษ และภายใน รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 จัดแสดงและจัดจำหน่ายสินค้าระดับพรีเมียมที่พัฒนาต่อยอดจากทุนทางวัฒนธรรมและต่อยอดจากมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าร่วมงานและเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าทางเลือกใหม่ ในรูปแบบงานแสดงสินค้าเสมือนจริง Virtual Exhibition ซึ่งผู้เยี่ยมชมผ่านทางออนไลน์จะสามารถเข้าชมได้ทุกโซนการจัดแสดงเสมือนเดินชมงานจริง และสามารถพูดคุยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากฟังก์ชัน Chat กับผู้ดูแลระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า ความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ ทำให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจ 265 คู่ค้า รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาทจากองค์กรและบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีผู้เข้าเยี่ยมชมงาน ทั้งรูปแบบปกติและรูปแบบงานแสดงสินค้าเสมือนจริงจาก 20 ประเทศ เป็นจำนวนกว่า 70,000 ราย ซึ่ง มี 5 ประเทศที่เข้าชมงานในรูปแบบงานแสดงเสมือนจริงสูงสุด ได้แก่ ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซียและจีน โดยสินค้าที่ผู้ซื้อให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ผ้าผืนแบบต่างๆ ของใช้ทั่วไป ของที่ระลึก สินค้าแฟชั่น(กระเป๋าและเครื่องประดับ) และอาหาร/ผลไม้แปรรูป ซึ่งเป็นการเปิดตลาดใหม่ ทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายการค้าสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความเข็มแข็ง และช่วยพลิกฟื้นชุมชน สร้างโอกาสใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมกลับมามีรายได้ เป็นการเตรียมความพร้อมให้ชุมชนและผู้ประกอบการได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง พร้อมก้าวไปสู่การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมการจัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย CCPOT GRAND EXPOSITION ของกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมมีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวง นำแนวทางที่จัดงานแบบ Vertual Exibition หรือการจัดนิทรรศการเสมือนจริงไปใช้ให้มากขึ้น ซึ่งทาง วธ. พร้อมดำเนินงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายอิทธิพล กล่าว