กรมควบคุมโรค รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากผู้แทน GIZ ประจำประเทศไทย ตู้แช่เเข็ง จำนวน 4 ตู้ เข็มฉีดยาเเละกระบอกฉีดยากว่า 51,000 ชุด เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้ครอบคลุมเเละเต็มประสิทธิภาพสูงสุด ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนครอบคลุมเเล้วกว่า 75%
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายเเพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รับมอบอุปกรณ์สนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จากนายไรน์โฮลด์ เอลเจส ผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย (The Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit : GIZ) ประกอบด้วย ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษ (-40 ถึง -86 องศาเซลเซียส) เพื่อเก็บวัคซีน จำนวน 4 ตู้ เข็มฉีดยาและกระบอกฉีดยาแบบ low dead space จำนวนกว่า 51,000 ชุด เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมการรับมอบคือ นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เเละ Mr.Hans-Ulrich Suedbeck อัครราชทูตและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย
นายเเพทย์โอภาส กล่าวว่า ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษสำหรับเก็บวัคซีน รวมถึงชุดเข็มฉีดวัคซีน จะเพิ่มศักยภาพในการฉีดวัคซีนของไทย รวมถึงสนับสนุนระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain System) และจุดบริการฉีดวัคซีนให้สามารถเก็บรักษาเเละฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ที่จำเป็นต้องอยู่ในอุณหภูมิต่ำมากได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ ไฟเซอร์ และโมเดอร์น่า นอกจากนี้ ยังเพิ่มความครอบคลุมในประชาชนที่อาศัยในประเทศไทยให้ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งเข็มเริ่มต้น (เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2) หรือเข็มกระตุ้น ข้อมูลของ MOPH Immunization Center เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 รายงานว่ามีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไปเเล้วกว่า 115 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 52 ล้านราย ครอบคลุมประชากรเเล้ว กว่าร้อยละ 75 กระตุ้นเข็มที่ 2 และกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นจำนวน จำนวน 48 ล้านราย และ 14 ล้านราย ตามลำดับ
การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์นี้ได้รับความร่วมมือจากหลายองค์กร อาทิ กระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ), German Federal Ministry of Economic Cooperation and Development, องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ประจำประเทศไทย (GIZ)
ข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565