วันที่ 27 มกราคม 2565 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒน์สิทธิ์ ศิริวงศ์ รองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายปรีดา ปรัตถจริยา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวจีนย่านไชน่าทาวน์ คุณประดับ โกมุท อุปนายกสมาคมตลาดสดไทย และ ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ กรมอนามัย ร่วมการเสวนา “ตรุษจีน จ่าย ไหว้ เที่ยว ปลอดภัย ห่างไกลโควิด”ณ ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เยาวราช เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพมหานคร
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ ยังคงเน้นย้ำความปลอดภัย ทั้งวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ด้วยการยึดหลัก 3 ป. ปลอดภัย โดย ป.ปลอดภัยแรก คือ อาหารปลอดภัย ขอให้ประชาชนเลือกซื้ออาหารและวัตถุดิบจากแหล่งที่มีเครื่องหมายรับรองของราชการ โดยเฉพาะเป็ด ไก่ ต้องสดใหม่ ไม่มีสีคล้ำ ผิวหนัง หรือเครื่องใน ไม่มีจ้ำเลือด ส่วนเนื้อหมูต้องมีสีแดงธรรมชาติ เมื่อกดดูเนื้อไม่กระด้าง ไข่ไก่ และไข่เป็ด ควรเลือกฟองที่ดูสดใหม่ สะอาด สำหรับผักและผลไม้ ก่อนกินหรือนำมาปรุงอาหาร ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง โดยให้ล้างผ่านน้ำก๊อกที่ไหลนาน 2 นาที หรือแช่ในน้ำผสมเกลืออัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมน้ำส้มสายชู อัตราส่วนครึ่งถ้วยตวงต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) อัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 10–15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง เพื่อความสะอาด และลดการปนเปื้อน สำหรับสถานประกอบการด้านอาหาร ได้แก่ ร้านอาหาร ตลาด โรงทานศาลเจ้า หรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่ม ควรยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคจากอาหารและน้ำเป็นสื่อ ได้แก่ อุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ รวมถึงโรคโควิด-19
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ป.ปลอดภัยที่สอง คือ ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 เลือกใช้ธูปขนาดสั้น ลดระยะเวลา จุดธูป ดับให้เร็วขึ้น เลือกกระดาษเงิน กระดาษทอง ที่มีคุณภาพ แต่ควรลดปริมาณการเผา ลดควัน และลดฝุ่น หากต้องจุดธูป ภายในบ้าน ควรเปิดประตู หน้าต่าง หรือจุดนอกบ้านในพื้นที่เปิดโล่ง สำหรับวัดหรือศาลเจ้า ควรตั้งกระถางธูปไว้นอกอาคาร หรือ ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก เมื่อเสร็จพิธีกรรม หรือหลังสัมผัสธูปหรือกระดาษเงิน กระดาษทอง ควรล้างมือ ล้างหน้า ล้างตา และเก็บกวาดก้านธูป ขี้เถ้าใส่ถุง และมัดปากถุงให้แน่น ป้องกันการฟุ้งกระจายเข้าสู่ร่างกาย และสิ่งแวดล้อม นำไปกำจัดอย่างถูกต้อง ไม่ทิ้งรวมกับขยะทั่วไป
“สำหรับ ป.ปลอดภัยที่สาม คือ ปลอดภัยจากโควิด-19 ยึดหลัก UP (Universal Prevention) ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เว้นระยะห่าง ตรวจ ATK เมื่อมีอาการหรือมีความเสี่ยงสูง รวมทั้งการรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ เด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางควรอยู่บ้าน เลี่ยงการไปเที่ยวในที่แออัด เพื่อความปลอดภัย ในส่วนของสถานประกอบการ ประเภทร้านอาหาร ห้างร้าน ตลาด ศาลเจ้า หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สามารถประเมินตนเองได้ผ่านระบบ Thai Stop COVID 2 Plus และให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
ทางด้าน คุณประดับ โกมุท อุปนายกสมาคมตลาดสดไทย กล่าวว่า ตลาดสดเป็นแหล่งจับจ่ายสินค้าของประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการตลาดต้องคุมเข้มเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นสถานที่รวมกลุ่มทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ขนส่งสินค้า และผู้ปฏิบัติงานภายในตลาด โดยจัดให้มีจุดเข้า-ออก ทางเดียว มีการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อลดความแออัด จัดระบบการสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ทำความสะอาดทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นผิวสัมผัสร่วมให้ทำความสะอาดทุกชั่วโมง จัดให้มีภาชนะรองรับขยะแบบมีฝาปิดมิดชิด และต้องล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมทั้งปรับสภาพแวดล้อมให้มีการระบายอากาศที่ดี ส่วนผู้บริโภคที่เข้ามาเลือกซื้อของในตลาด จะต้องคัดกรองความเสี่ยงด้วยการวัดอุณหภูมิก่อนเข้าตลาด หากพบเสี่ยงสูง ให้งดเข้าใช้บริการ โดยให้ผู้ซื้อต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา มีจุดล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ที่เพียงพอ และมีช่องทางจ่ายเงินแบบ e-Payment เพื่อลดการสัมผัส
ทางด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒน์สิทธิ์ ศิริวงศ์ รองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธูปหรือกระดาษเงินกระดาษทอง มีส่วนประกอบของสารปนเปื้อนที่ต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารอินทรีย์ระเหยง่าย โลหะหนัก ซึ่งมาจากส่วนผสมหลักในการผลิต เช่น สีและกลิ่น ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้เมื่อเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้เกิดเถ้าลอย อนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5 และ PM10) และก๊าซพิษที่มีองค์ประกอบโลหะหนัก เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก แมงกานีส ตะกั่ว สังกะสี นิเกิล โครเมียม และแคดเมียม เป็นต้น สารระเหยง่าย เช่น สารกลุ่มไดออกซิน (Polychlorinated Dibenzo-p-dioxin/ Dibenzofuran, PCDD/F) และสารกลุ่มโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons, PAHs) เบนซีน (Benzene) และ 1, 3-บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene) เป็นต้น เมื่อสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัส โดยเฉพาะผ่านทางการหายใจ อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพเฉียบพลัน เช่น ไอ จาม หายใจขัด ระคายเคืองตา และหากสัมผัสเป็นประจำระยะยาว อาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปอดอักเสบ และอาจกลายเป็นมะเร็งได้ อีกทั้งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ และ พาร์กินสันในระยะยาวได้อีกด้วย
“นอกจากนี้ ขี้เถ้าที่เกิดจากการเผา ยังคงมีโลหะหนักข้างต้นปนเปื้อน ซึ่งหากมีการกำจัดที่ไม่ถูกต้อง และอาจจะเข้า สู่ห่วงโซ่อาหาร ก่อทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ และปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาอีกด้วย ดังนั้น ประชาชน ผู้ใช้ธูป หรือกระดาษเงิน กระดาษทอง ควรมีความตระหนักในการดูแลตนเองในการลดความเสี่ยงจากการสัมผัส เช่น การสวมหน้ากาก ล้างมือหลังจากจุด หรือเผา ทิ้งเศษผงขี้เถ้าในภาชนะที่จัดเก็บเพื่อการกำจัดทำลายอย่างถูกต้อง ลดการใช้ในอาคารบ้านเรือน หรือบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือเปลี่ยนมาเผากระดาษเงิน กระดาษทองออนไลน์ เป็นต้น” รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒน์สิทธิ์ กล่าว
ทางด้าน ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า อยากเห็นเทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาล แห่งความสุขของทุกคน ด้วยการซื้อ การปรุง การกินอาหารให้มีความปลอดภัย และถูกหลักโภชนาการ ไม่อยากเห็นอาหารเป็นสื่อ ในการแพร่ระบาดโควิดและทำลายสุขภาพ ดังนั้น การเลือกซื้ออาหารในช่วงตรุษจีนจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เลือกแหล่งจำหน่ายอาหารที่น่าเชื่อถือได้ หรือมีเครื่องหมายรับรองจากทางราชการ เลือกซื้อวัตถุดิบที่สด สะอาด ล้างผักผลไม้ด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดา อาหารทุกชนิดต้องปรุงให้สุกที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 70 องศาเซลเซียส การปรุงและกินอาหารต้องไม่หวาน มัน เค็ม เติมเต็มด้วยผักผลไม้ ครบ 5 หมู่ ส่วนอาหารที่ใช้เซ่นไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว เมื่อคนในครอบครัว จะนำมาบริโภค ต้องให้มีความสะอาดปลอดภัย ได้คุณค่าโภชนาการ และที่สำคัญให้ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ทุกครั้งด้วย
***
กรมอนามัย / 27 มกราคม 2565