“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 108,313,948 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,616 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง

“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 108,313,948 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,616 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 835.7ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.7%)

➡️(14 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,616 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 4″อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 108,313,948 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,616 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 835.7ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.7%)

➡️(14 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,616 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 40.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 524 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 209 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 835.7 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 293.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 108,313,948 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.64%

🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,616 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 14 มกราคม 2565

จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 108,313,948 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น

-เข็มแรก 51,642,575 โดส (78% ของประชากร)

-เข็มสอง 47,172,252 โดส (71.3% ของประชากร)

-เข็มสาม 8,956,432 โดส (13.5% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-14 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 108,313,948 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 542,689 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 413,523 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย

วัคซีน Sinovac

– เข็มที่ 1 22,838,189 โดส

– เข็มที่ 2 3,577,406 โดส

– เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca

– เข็มที่ 1 13,539,104 โดส

– เข็มที่ 2 28,013,218 โดส

– เข็มที่ 3 3,216,615 โดส

วัคซีน Sinopharm

– เข็มที่ 1 7,221,590 โดส

– เข็มที่ 2 7,942,745 โดส

– เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer

– เข็มที่ 1 7,221,590 โดส

– เข็มที่ 2 7,8942,745 โดส

– เข็มที่ 3 4,660,706 โดส

วัคซีน Moderna

– เข็มที่ 1 621,742 โดส

– เข็มที่ 2 620,354 โดส

– เข็มที่ 3 1,440,583 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย

– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.7% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 101.1%

– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 76.5% เข็มที่3 28.4%

– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 78.1% เข็มที่2 73.2% เข็มที่3 14.5%

– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.8% เข็มที่3 62.2% เข็มที่3 12.7%

– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76% เข็มที่2 69.4% เข็มที่3 11.4%

– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 72.1% เข็มที่3 0%

รวม เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 65.7% เข็มที่3 12.9%

5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด

1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.7% เข็มที่2 111.8%

2. ชลบุรี เข็มที่1 94% เข็มที่2 89%

3. สมุทรสาคร เข็มที่1 95.2% เข็มที่2 86.2%

4. เชียงใหม่ เข็มที่1 90.3% เข็มที่2 86.1%

5. ภูเก็ต เข็มที่1 87.8% เข็มที่2 85.4%

6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.4% เข็มที่2 79.4%

7. ระนอง เข็มที่1 83.2% เข็มที่2 78%

8. ระยอง เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 74.8%

9. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.9% เข็มที่2 74.6%

10. พังงา เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 73.1%

10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด

1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 52% เข็มที่2 42.9%

2. ปัตตานี เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 43%

3. นราธิวาส เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 43.1%

4. บึงกาฬ เข็มที่1 54.5% เข็มที่2 44.3%

5. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 65.4% เข็มที่2 46.1%

6. สกลนคร เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 46.2%

7. สุรินทร์ เข็มที่1 52.2% เข็มที่2 47.2%

8. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 54.7% เข็มที่2 48.1%

9. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54.8% เข็มที่2 48.1%

10. นครพนม เข็มที่1 55.9% เข็มที่2 48.3%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 835,703,953 โดส ได้แก่

1. อินโดนีเซีย จำนวน 293,243,599 โดส (63.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm

2. เวียดนาม จำนวน 164,482,313 โดส (80.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm

3. ฟิลิปปินส์ 117,337,626 โดส (52.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca

4. ไทย จำนวน 108,313,948 โดส (78.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm

5. มาเลเซีย จำนวน 60,311,806 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac

6. พม่า จำนวน 38,156,041 โดส (38.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

7. กัมพูชา จำนวน 32,398,495 โดส (84.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac

8. สิงคโปร์ จำนวน 12,132,375 โดส (89%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac

9. ลาว จำนวน 8,429,349 โดส (63.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca

10. บรูไน จำนวน 898,401 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค

1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.71%

2. ยุโรป 10.39%

3. อเมริกาเหนือ 8.85%

4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.99%

5. แอฟริกา 3.48%

6. โอเชียเนีย 0.58%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก

1. จีน จำนวน 2,918.25 ล้านโดส (208.4% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)

2. อินเดีย จำนวน 1,576.46 ล้านโดส (115.3%)

3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 524.2 ล้านโดส (157.9%)

4. บราซิล จำนวน 338.39 ล้านโดส (161%)

5. อินโดนีเซีย จำนวน 293.24ล้านโดส (106.3%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)

1. คิวบา (282.1%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)

2. ชิลี (237.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)

3. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)

4. บาห์เรน (222.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (214%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)

6. มัลดีฟส์ (213.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)

7. เกาหลีใต้ (212.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)

8. จีน (208.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)

9. สิงคโปร์ (206.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)

10. บรูไน (203.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)