กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพคนไทยหลังกินเลี้ยงฉลองปีใหม่อย่างต่อเนื่อง แนะคุมน้ำหนัก ด้วยสูตร 2:1:1 ลดพุง ลดโรค เน้นผักผลไม้สดที่มีรสหวานน้อย พร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ สร้างสุขภาพดี
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงพบปะสังสรรค์และกินอาหารปริมาณมาก ทั้งในงานเลี้ยงฉลอง อาหารของฝาก กระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่มักประกอบไปด้วยเค้ก คุกกี้ ช็อกโกแลต ขนมหวาน อาหารทอด อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มสำเร็จรูปต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานมาก เมื่อกินบ่อยหรือมากเกินไป จะส่งผลให้มีไขมันสะสม น้ำหนักเกิน มีภาวะอ้วน เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือด ประชาชนจึงควรดูแลสุขภาพโดยควบคุมน้ำหนักของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ด้วยการใช้แบบจำลองอาหารหรือที่รู้จักกันคือ สูตร 2:1:1 โดยแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน สองส่วนแรกเป็นผักสด หรือผักสุกมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป อีกส่วนหนึ่งเป็นข้าว แป้ง ควรเลือกชนิดไม่ขัดสี และส่วนสุดท้ายเป็นประเภทโปรตีน เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
“ทั้งนี้ การกินอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง แต่ต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อโดยควบคุมปริมาณให้เหมาะสม เลี่ยงเนื้อสัตว์ติดหนัง อาหารทอดหรือผัด ปรุงอาหารด้วยวิธี นึ่ง ยำ อบ ต้ม ตุ๋น ย่าง หากต้องการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมัน ควรใช้น้ำมันพืช และคุมปริมาณน้ำมันไม่ให้เกิน 2 ช้อนชาต่อมื้อ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และกินอาหารครบหมู่ หลากหลายชนิด เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากนั้น การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกินผลไม้สด ที่ไม่หวานจัด 1 จานเล็ก เช่น มะละกอ แก้วมังกร ชมพู่ ร่วมด้วย เพราะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และ ใยอาหาร ควรเลือกชนิดและกินผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากบางชนิดมีน้ำตาลสูง จะทำให้ได้รับพลังงานมากเกินไป งดผลไม้แปรรูป ประเภท เชื่อม กวน แช่อิ่ม ทอดกรอบ อบแห้ง และดอง ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและ อัตราการเผาผลาญพลังงาน รวมทั้งการเพิ่มกิจกรรมทางกาย เคลื่อนไหวออกแรงในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ทำงานบ้าน เดิน เป็นการช่วยควบคุมน้ำหนัก และเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ ปอด ให้มีพลังในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดี” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 12 มกราคม 2565