“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 11 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 106,758,696 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,486 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 820.9 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.6%)
➡️(11 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,486 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 37.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 519 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 208 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 820.9 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 288.3 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 11 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 106,758,696 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.61%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,486 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 11 มกราคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 106,758,696 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,543,088 โดส (77.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 46,923,112 โดส (70.9% ของประชากร)
-เข็มสาม 8,292,496 โดส (12.5% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-11 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 106,758,696 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 283,574 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 319,161 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,829,962 โดส
– เข็มที่ 2 3,576,510 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,504,641 โดส
– เข็มที่ 2 27,961,563 โดส
– เข็มที่ 3 3,078,100 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,466,963 โดส
– เข็มที่ 2 7,134,230 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 7,126,454 โดส
– เข็มที่ 2 7,670,115 โดส
– เข็มที่ 3 3,858,719 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 615,068 โดส
– เข็มที่ 2 5680,694 โดส
– เข็มที่ 3 1,355,677 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.7% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 100%
– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 76.3% เข็มที่3 26.3%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 78% เข็มที่2 72.8% เข็มที่3 12.4%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.6% เข็มที่3 61.7% เข็มที่3 11.4%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 68.8% เข็มที่3 9.2%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 71.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 71.6% เข็มที่2 65.1% เข็มที่3 11.5%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.6% เข็มที่2 111.4%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93.7% เข็มที่2 88.7%
3. สมุทรสาคร เข็มที่1 94.9% เข็มที่2 85.9%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 85.3%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 90% เข็มที่2 85.2%
6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.3% เข็มที่2 79.1%
7. ระนอง เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 76.5%
8. ระยอง เข็มที่1 78.3% เข็มที่2 74.3%
9. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 74.1%
10. พังงา เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 72.9%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 51.8% เข็มที่2 42.9%
2. ปัตตานี เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 42.9%
3. นราธิวาส เข็มที่1 53.5% เข็มที่2 43%
4. บึงกาฬ เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 43.1%
5. สกลนคร เข็มที่1 55.1% เข็มที่2 45.3%
6. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 45.4%
7. สุรินทร์ เข็มที่1 52% เข็มที่2 46.8%
8. นครพนม เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 46.9%
9. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.2%
10. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.4%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 20,904,637 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 288,389,864 (62%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 161,277,807 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 114,249,222 โดส (52.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 106,758,696 โดส (77.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 59,511,395 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 37,610,466 โดส (38.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 32,002,706 โดส (84.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 11,864,559 โดส (89%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,341,521 โดส (62.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 898,401 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.67%
2. ยุโรป 10.4%
3. อเมริกาเหนือ 8.89%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.01%
5. แอฟริกา 3.46%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,899.56 ล้านโดส (207.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,529.1 ล้านโดส (111.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 519.34 ล้านโดส (156.4%)
4. บราซิล จำนวน 335.74ล้านโดส (159.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 288.39 ล้านโดส (104.5%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (276.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (236%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
4. บาห์เรน (221%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (213.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
6. มัลดีฟส์ (213.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
7. เกาหลีใต้ (209.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
8. จีน (207.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. บรูไน (203.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. สหราชอาณาจักร (202.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)