“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 9 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 106,336,237 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,429 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 807.6 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.5%)
➡️(9 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,429 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 517 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 207 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 814.09 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 286.9 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 9 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 106,336,237 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.60%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,429 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 มกราคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 106,336,237 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,502,025 โดส (77.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 46,820,621 โดส (70.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 8,013,591 โดส (12.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-9 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 106,336,237 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 383,002 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 266,296 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,827,787 โดส
– เข็มที่ 2 3,576,401 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,494,876 โดส
– เข็มที่ 2 27,948,654โดส
– เข็มที่ 3 3,045,297 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,464,859 โดส
– เข็มที่ 2 7,127,760 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 7,102,380 โดส
– เข็มที่ 2 7,607,333 โดส
– เข็มที่ 3 3,652,412 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 612,123 โดส
– เข็มที่ 2 560,473 โดส
– เข็มที่ 3 1,315,882 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.7% เข็มที่2 119.1% เข็มที่3 99.7%
– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 76.2% เข็มที่3 25.9%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 78% เข็มที่2 72.7% เข็มที่3 11.9%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.5% เข็มที่3 61.5% เข็มที่3 11%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 75.7% เข็มที่ 68.7% เข็มที่3 8.6%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 71.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 65% เข็มที่3 11.1%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.5% เข็มที่2 111.2%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93.7% เข็มที่2 88.6%
3. สมุทรสาคร เข็มที่1 94.8% เข็มที่2 85.7%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 85.3%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 90% เข็มที่2 84.9%
6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.2% เข็มที่2 78.9%
7. ระนอง เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 76.5%
8. ระยอง เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 74.2%
9. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 74%
10. พังงา เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 72.9%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 51.7% เข็มที่2 40.9%
2. ปัตตานี เข็มที่1 53.5% เข็มที่2 42.8%
3. บึงกาฬ เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 42.4%
4. นราธิวาส เข็มที่1 53.4% เข็มที่2 43%
5. สกลนคร เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 44.8%
6. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 45.3%
7. นครพนม เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 46.5%
8. สุรินทร์ เข็มที่1 52% เข็มที่2 46.7%
9. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.1%
10. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 47.3%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 814,094,598โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 286,963,578 (61.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 1579,152,206 โดส (80.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ 112,745,559 โดส (52%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 106,336,237 โดส (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 59,161,467 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 36,885,868 โดส (38.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31,855,952 โดส (84.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 11,834,312 โดส (88%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,261,018 โดส (62.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 898,401 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.69%
2. ยุโรป 10.39%
3. อเมริกาเหนือ 8.9%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.01%
5. แอฟริกา 3.44%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,887.77 ล้านโดส (206.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,516.07 ล้านโดส (110.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 515.16 ล้านโดส (155.6%)
4. บราซิล จำนวน 333.63 ล้านโดส (158.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 286.96 ล้านโดส (104%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (273.7%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (234.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
4. บาห์เรน (220.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. มัลดีฟส์ (213%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (212.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
7. เกาหลีใต้ (208.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
8. จีน (206.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. บรูไน (203.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. สหราชอาณาจักร (201.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)