“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันทึ่ 7 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 105,419,287 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,361 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 807.6 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.4%)
➡️(7 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,361 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 514 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 207 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 807.6 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 284.9 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 7 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 105,419,287โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.59%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,361 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 7 มกราคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 105,419,287 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,409,711 โดส (77.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 46,526,520 โดส (70.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 7,483,056 โดส (11.3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-5 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 105,419,287 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 874,435 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 162,989 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,825,080 โดส
– เข็มที่ 2 3,576,109โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,474,652 โดส
– เข็มที่ 2 27,914,711 โดส
– เข็มที่ 3 2,698,590 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,460,821 โดส
– เข็มที่ 2 7,116,331 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 7,040,849 โดส
– เข็มที่ 2 7,1388,294โดส
– เข็มที่ 3 3,255,664 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 608,309 โดส
– เข็มที่ 2 531,075 โดส
– เข็มที่ 3 1,258,802 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.9% เข็มที่2 119.2% เข็มที่3 99%
– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 76.1% เข็มที่3 24.7%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 77.8% เข็มที่2 72.3% เข็มที่3 10.8%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.4% เข็มที่3 61.1% เข็มที่3 10.4%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 75.6% เข็มที่ 68.2% เข็มที่3 7.5%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 71.3% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 71.4% เข็มที่2 64.6% เข็มที่3 10.4%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.4% เข็มที่2 111%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93.5% เข็มที่2 88.3%
3. สมุทรสาคร เข็มที่1 94.7% เข็มที่2 85.2%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 85%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 89.8% เข็มที่2 84.2%
6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 78.6%
7. ระนอง เข็มที่1 82.6% เข็มที่2 76.4%
8. ระยอง เข็มที่1 78% เข็มที่2 73.8%
9. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.4% เข็มที่2 73%.6
10. พังงา เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 72.9%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 40.2%
2. บึงกาฬ เข็มที่1 54% เข็มที่2 41.8%
3. ปัตตานี เข็มที่1 53.4% เข็มที่2 42.7%
4. นราธิวาส เข็มที่1 53.4% เข็มที่2 42.9%
5. สกลนคร เข็มที่1 54.7% เข็มที่2 44.4%
6. นครพนม เข็มที่1 55% เข็มที่2 44.6%
7. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 64% เข็มที่2 45.2%
8. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 46.4%
9. สุรินทร์ เข็มที่1 51.9% เข็มที่2 46.5%
10. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54.2% เข็มที่2 46.7%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 807,640,051 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 284,934,477 (61.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 156,902,083 โดส (80%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 111,908,830 โดส (51.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 105,419,287 โดส (77.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 58,812,436 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 36,885,868 โดส (38.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31783,339 โดส (84.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 11,834,312 โดส (88%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,261,018 โดส (62.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 989,401 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.67%
2. ยุโรป 10.39%
3. อเมริกาเหนือ 8.90%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.03%
5. แอฟริกา 3.43%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,85872.02ล้านโดส (205.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,497 ล้านโดส (109.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 513.84ล้านโดส (154.8%)
4. บราซิล จำนวน 333.83 ล้านโดส (158.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 284.93ล้านโดส (103.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (272.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (234.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. เดนมาร์ก (225.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
4. บาห์เรน (219.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. มัลดีฟส์ (212.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
6. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (212%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
7. เกาหลีใต้ (206.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
8. จีน (205.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. บรูไน (203.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
10. สหราชอาณาจักร (201%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)