กรมควบคุมโรค ย้ำประชาชนงดไปสถานที่เสี่ยง-ไม่เดินทางข้ามจังหวัด ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19

กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชน งดไปสถานที่เสี่ยง ไม่เดินทางข้ามจังหวัด ไม่ไปต่างประเทศ หากสงสัยให้รีบตรวจ ATK เมื่อพบผลบวกแจ้งสายด่วน 1330

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อัปเดตสถานการณ์โรคโควิด 19 และสายพันธุ์โอมิครอน ว่า ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ (6 มกราคม 2565) 5,775 ราย มีเพิ่มค่อนข้างมากโดยกระจายไปทั่วประเทศโดยเฉพาะจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้แก่ ชลบุรี 769 ราย สมุทรปราการ 494 ราย กรุงเทพมหานคร 454 ราย เชียงใหม่ 378 ราย และอุบลราชธานี 348 ราย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเกิดจาก ช่วงเทศกาลมีการรวมตัวกันทำกิจกรรม อีกทั้งไปในสถานที่เสี่ยงอย่างร้านอาหารกึ่งผับทำให้เกิดคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่

“ในวันนี้มีการประชุมที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข โดยมีนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้แจ้งยกระดับการเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ต้องขอความร่วมมือประชาชน ดังนี้ หลีกเลี่ยงการไปสถานที่เสี่ยง เช่น ระบบระบายอากาศไม่ดี คนอยู่อย่างแออัด มีการดื่มสุรา งดการทำกิจกรรมรวมกัน โดยเฉพาะการรวมตัวกันที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย งดเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น งดเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่จำเป็น ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับมาก็ต้องกักตัว อีกทั้งเน้นการ Work From Home หรือถ้าต้องกลับไปทำงานควรตรวจ ATK (Antigen Test Kit) อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 3 วัน รวมถึงเน้นมาตรการ VUCA

1.ฉีดวัคซีน

2.ดูแลตนเองขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล

3.สถานประกอบการต้องยึดหลัก COVID Free Setting

4.ตรวจ ATK คัดกรองเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 มกราคม 2565 จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในการปรับพื้นที่สี หรือมาตรการต่าง ๆ ต่อไป” นายแพทย์โอภาส กล่าว

นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับอาการของผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนจะมีอาการคล้ายไข้หวัด เจ็บคอ ไอ ไข้น้อยหรือไม่มี หากสงสัยให้ตรวจ ATK เมื่อพบผลเป็นบวกขอให้ติดต่อสายด่วน 1330 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อลงทะเบียน รับยา อุปกรณ์ ซึ่งจะมีผู้ติดตามอาการป่วยขณะดูแลรักษาแยกกักที่บ้าน 10 วัน (Home Isolation) โดยเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะคงอยู่ไม่นาน ถ้าประชาชนร่วมมือกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

*************************
ข้อมูลจาก : สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 6 มกราคม 2565