“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 4 มกราคม 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 104,524,571 โดส และทั่วโลกแล้ว 9,234 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 793.8 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (120.4%)
➡️(4 มกราคม 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 9,234 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 39.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 508 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 206 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 793.8 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 281.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 4 มกราคม 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 104,524,571 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.60%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 9,204 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 4 มกราคม 2565
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 104,524,571โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 51,310,112 โดส (77.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 46,172,663 โดส (69.8% ของประชากร)
-เข็มสาม 7,041,796 โดส (10.6% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-4 ม.ค. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 104,524,571 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 32,712 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 221,330 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,820,714 โดส
– เข็มที่ 2 3,575,590 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,452,846 โดส
– เข็มที่ 2 27,877,179 โดส
– เข็มที่ 3 2,905,308 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,456,370 โดส
– เข็มที่ 2 7,104,622 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 6,977,340 โดส
– เข็มที่ 2 7,135,289 โดส
– เข็มที่ 3 2,928,285 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 602,842 โดส
– เข็มที่ 2 479,983 โดส
– เข็มที่ 3 1,208,203 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 121.9% เข็มที่2 119.2% เข็มที่3 98.3%
– อสม เข็มที่1 78.9% เข็มที่2 75.9% เข็มที่3 23.7%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 77.7% เข็มที่2 71.8% เข็มที่3 9.9%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 68.2% เข็มที่3 60.6% เข็มที่3 9.8%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 75.4% เข็มที่ 67.7% เข็มที่3 6.5%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 70.7% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 64.1% เข็มที่3 9.8%
5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 120.4% เข็มที่2 110.6%
2. ชลบุรี เข็มที่1 93.4% เข็มที่2 87.8%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 87.6% เข็มที่2 85%
4. สมุทรสาคร เข็มที่1 94.5% เข็มที่2 84.7%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 89.7% เข็มที่2 83.4%
6. ปทุมธานี เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 78.4%
7. ระนอง เข็มที่1 82.3% เข็มที่2 75.9%
8. ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 87.2% เข็มที่2 73%
9. ระยอง เข็มที่1 77.8% เข็มที่2 72.9%
10. พังงา เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 72.9%
10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด
1. หนองบัวลำภู เข็มที่1 51.5% เข็มที่2 39.6%
2. บึงกาฬ เข็มที่1 53.8% เข็มที่2 40.9%
3. ปัตตานี เข็มที่1 53.3% เข็มที่2 42.5%
4. นราธิวาส เข็มที่1 53.3% เข็มที่2 42.8%
5. นครพนม เข็มที่1 54.8% เข็มที่2 43.6%
6. สกลนคร เข็มที่1 54.5% เข็มที่2 43.6%
7. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 44.9%
8. กาฬสินธุ์ เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 45.5%
9. ศรีสะเกษ เข็มที่1 54% เข็มที่2 46.2%
10. สุรินทร์ เข็มที่1 51.7% เข็มที่2 46.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 793,822,546 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 281,219,803 (60.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 153,596,950 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 109,309,588 โดส (51.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 104,524,571 โดส (77.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 58,055,878 โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 36,388,358 โดส (38.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 31,586,783 โดส (84.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (88%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 8,233,499 โดส (62.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 823,787 โดส (94.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.67%
2. ยุโรป 10.40%
3. อเมริกาเหนือ 8.92%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.05%
5. แอฟริกา 3.38%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,847.90 ล้านโดส (203.4% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,467.39 ล้านโดส (107.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 507.66 ล้านโดส (152.9%)
4. บราซิล จำนวน 331.34 ล้านโดส (157.7%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 281.22 ล้านโดส (101.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (272.4%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (231.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. บาห์เรน (218.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. มัลดีฟส์ (212.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (211.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
6. เดนมาร์ก (209%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)
7. เกาหลีใต้ (204.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)
8. จีน (203.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. สหราชอาณาจักร (199.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ AstraZeneca/Oxford)
10. อุรุกวัย (198.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)