กินอาหารครบ 5 หมู่แล้วดีต่อสุขภาพ เป็นคำพูดคุ้นหู ได้ยินกันมานาน แต่ชีวิตจริง อาหารที่กินในบางมื้ออาจมีอาหารเพียง 2 หมู่ คือ แป้งและเนื้อสัตว์ เช่น ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง และบางมื้อของบางวันอาจเหลือแค่หมู่เดียว คือผลไม้ เช่น กล้วย หรือ แอปเปิ้ล
อาหารแต่ละหมู่มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน ถ้าใน1 มื้อเราสามารถกินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ อาหารก็จะส่งเสริมการทำงานของกันเละกัน สร้างภูมิต้านทาน ป้องกันโรค ทำให้ร่างกายแข็งแรง เช่น วิตามินซีในผักสดและผลไม้ ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กที่มีมากในเนื้อสัตว์ ถ้าเรากินข้าวเหนียว-หมูปิ้ง แล้วกินฝรั่งด้วย วิตามินซีจากฝรั่งก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากหมูได้มากขึ้น ไก่ทอด-เฟรนช์ฟรายด์ ที่มีไขมันสูง ถ้าเรากินคู่กับสลัดใยอาหารจากผักก็จะช่วยลดการดูดซึมของไขมัน เรียกได้ว่าต่างพึ่งพาอาศัยกัน
Buddha bowl เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากเมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา เป็นอาหารจานเดียวที่มีส่วนผสมของอาหารครบ 5 หมู่รวมอยู่ในชามเดียวกัน (ใช้ชามมากกว่าจาน) Buddha bowl นี้ นอกจากมีอาหารครบ 5 หมู่ในชามเดียวแล้ว ยังมีสีสันที่สวยงาม เจริญตา น่ากิน อาหารทุกหมู่จะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ ไม่ปรุงแต่งรสมาก เน้นความเป็นธรรมชาติของวัตถุดิบ Buddha bowl ไม่ใช่สลัด แต่อาจจะมีน้ำปรุงรสได้ตามชอบ ซึ่งอาจจะเป็นน้ำสลัดชนิดต่างๆ น้ำซีอิ้ว ซอสถั่วแบบสลัดแขก หรือน้ำมะนาวผสมน้ำผลไม้แล้วปรุงรสเค็มน้อย
ส่วนผสม และ วิธีทำ
- เตรียมภาชนะก้นลึก
- หั่นผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เป็นชิ้นพอคำ แล้วใส่วัตถุดิบที่เตรียมไว้ในชาม
- ใส่ผักสด ผักย่างที่หั่นแล้ว ตามชอบ ควรมีผักอย่างน้อย 2-3 สี (หมู่ผัก)
- เติมผลไม้รสเปรี้ยวหรือหวาน ตามชอบ ปริมาณผลไม้ควรน้อยกว่าผัก (หมู่ผลไม้)
- โปรตีนเน้นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่นปลาย่าง เนื้ออบ ไข่ต้ม ถ้าเป็นมังสวิรัติอาจเป็นเต้าหู้ เทมเป้ (หมู่โปรตีน)
- เติมไขมัน จาก อัลมอนด์ อโวคาโด มะพร้าว เมล็ดแฟลกซ์ หรือน้ำมัน (หมู่ไขมัน)
- เลือกใส่คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ทำให้อิ่มนานเช่น ข้าวซ้อมมือ ควินัว ชิกพี ขนมปังอบ ฟักทอง ข้าวโพด ข้าวโอ๊๖ มันฝรั่งย่าง (หมู่แป้ง-คาร์โบไฮเดรต)
- เมื่อจัดชามเสร็จก็ราดน้ำซอสต่างๆตามชอบ พร้อมเสริฟ
คุณค่าทางโภชนาการ
Buddha bowl 1 ชาม ได้อาหารครบทั้ง 5 หมู่ สารอาหารครบถ้วน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน ทำง่าย ไม่ซับซ้อน กินง่าย สวย และไม่อ้วน
*****************************************
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.thaihealth.or.th