กระทรวงสาธารณสุข ห่วงคนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่พบมากขึ้น แนะให้ชะลอการเดินทาง แต่หากจำเป็นให้ป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เมื่อกลับมาระหว่างกักตัวที่บ้านให้ไปตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และกักตัวจนครบ 14 วัน
วันที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่ ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้วใน 89 ประเทศ และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งหลายประเทศได้มีการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพิ่มขึ้น เช่น การชะลอการเดินทางในผู้ที่มาจากต่างประเทศ การล็อคดาวน์ในบางธุรกิจเพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ สำหรับประเทศไทยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,525 ราย รักษาหาย 4,190 ราย เสียชีวิต 31 ราย การเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานต่าง ๆ ในเดือนพฤศจิกายน มีผู้เดินทางเข้ามา 133,061 คน เป็นรูปแบบ Test & Go มากที่สุด 106,211 คน เดือนธันวาคม มีผู้เดินทาง 160,445 คน เป็น Test & Go 138,181 คน Sandbox 18,449 คน และ Quarantine 3,815 คน โดยทุกคนที่ตรวจพบการติดเชื้อจะมีส่งตรวจหาสายพันธุ์ที่ห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเดือนธันวาคม พบผู้ติดเชื้อแล้ว 348 ราย จากระบบ Test & Go มากที่สุด 204 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศ
นายแพทย์จักรรัฐ กล่าวต่อว่า จากการพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศรูปแบบ Test & Go มากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำข้อเสนอต่อ ศปก.ศบค. ขอให้พิจารณาชะลอการเดินทางเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go จากทุกประเทศ และใช้มาตรการกักตัวระบบ AQ หรือ Sandbox เป็นเวลา 7-10 วัน แทน นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดบริการตรวจ ATK และฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเพิ่มจุดบริการในสถานีขนส่งขนาดใหญ่ที่มีผู้เดินทางจำนวนมากทั้งต้นทางและปลายทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
“ขอความร่วมมือประชาชนให้ดูแลตนเองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการไปฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครบตามเกณฑ์, ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศหากจำเป็นให้ป้องกันตนเองขณะเดินทางและขณะพำนักในต่างประเทศ โดยปฏิบัติตามมาตรการ UP อย่างเคร่งครัด หากกลับมาและอยู่ระหว่างกักตัวที่บ้าน ให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 อีกครั้ง และกักตัวจนครบ 14 วัน ส่วนสถานประกอบการหน่วยงานที่จะจัดงานปีใหม่ ให้ดำเนินการตามแนวทาง Covid Free Setting ตรวจ ATK และมีผลฉีดวัคซีนก่อนร่วมงาน รวมถึงตรวจซ้ำก่อนกลับมาทำงานหลังปีใหม่ และเฝ้าระวังพนักงานทุกคนที่เดินทางไปต่างจังหวัด หากพบสถานบริการ สถานประกอบการ ร้านอาหาร ให้ดื่มสุราภายในร้านโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting ให้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมาย” นายแพทย์จักรรัฐกล่าว
สำหรับกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนที่น่าสนใจ ได้แก่ ผู้ติดเชื้อรายแรก ชายอายุ 35 ปี ชาวอเมริกัน ไม่พบผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้สัมผัส ขณะนี้รักษาหายและพ้นระยะกักตัวแล้ว, กรณีชายชาวโคลัมเบีย อายุ 62 ปี อาชีพนักบิน เดินทางจากไนจีเรียเข้าประทศไทย วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 (ก่อนประกาศงดการเดินทางเข้าประเทศ) เข้าระบบแซนด์บอกซ์กักตัวเป็นเวลา 7 วัน จากนั้นกลับบ้านที่จังหวัดปทุมธานี พบติดเชื้อโควิด 19 เป็นสายพันธุ์โอมิครอน และภรรยาติดเชื้อจากการเป็นผู้สัมผัส ซึ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรกโดยติดจากผู้เดินทางมากจากต่างประเทศ ได้ติดตามหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นคนขับรถ Taxi ขณะนี้อยู่ระหว่างการกักตัว ผลตรวจการรอบแรกเป็นลบ และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจครั้งที่ 2 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทุกรายได้ติดตามต่อเนื่องยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม เนื่องจากมีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
กรณีผู้ที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ประเทศซาอุดิอาระเบีย เข้าพักที่ภูเก็ตในระบบ Test & Go 133 ราย ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ครั้งแรกพบติดเชื้อ 3 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 36 ปี มีผู้สัมผัสสี่ยงสูง 1 ราย (เพื่อนร่วมห้องนอนระหว่างทำกิจกรรม) และเดลตา 2 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 3 ราย อยู่ระหว่างการกักตัว ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มทั้งในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ และผู้เดินทางร่วมทั้งคณะ
กรณีผู้เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ประเทศซาอุดิอาระเบีย 31 คน เดินทางกลับถึงประเทศไทย วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เข้าระบบ Test & Go ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR พบผู้ติดเชื้อ 18 ราย จากจังหวัดนนทบุรี 9 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 3 ราย เดลตา 5 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 ราย และอยู่ระหว่างรอผล 1 ราย, จังหวัดปทุมธานี 2 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 ราย และอยู่ระหว่างรอผล 1 ราย, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 4 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย เดลตา 1 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย, จังหวัดนครราชสีมา เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย และจากกรุงเทพฯ เป็นเดลตา 2 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติมในส่วนของผู้โดยสารบนเครื่องบิน