“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 97,321,750 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,434 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 709.3 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119.1%)
➡️(12 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,434 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 483 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 202 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 709.3 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 249.3 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 97,321,750 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.85%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,434 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 97,321,750โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 49,901,591 โดส (75.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 43,297,863 โดส (65.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 4,122,296 โดส (6.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-12 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 97,321,750 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 144,423 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 295,770 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,728,624 โดส
– เข็มที่ 2 3,565,672 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 13,186,529 โดส
– เข็มที่ 2 27,361,759 โดส
– เข็มที่ 3 2,589,911 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,375,671 โดส
– เข็มที่ 2 6,931,962 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 6,186,045 โดส
– เข็มที่ 2 5,272,944 โดส
– เข็มที่ 3 1,126,721 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 424,722 โดส
– เข็มที่ 2 165,526 โดส
– เข็มที่ 3 405,664 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119% เข็มที่3 94.5%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.8% เข็มที่3 20.9%
– อสม เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 74.5% เข็มที่3 17.3%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.2% เข็มทเข็มที่2 68.7% เข็มที่3 4.8%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่3 56.6% เข็มที่3 5.2%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 73.1% เข็มที่ 64.1% เข็มที่3 1.6%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.7% เข็มที่ 15.9% เข็มที่3 0.4%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 60.1% เข็มที่3 5.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119.1% เข็มที่2 105.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.4% เข็มที่2 74%
2. ชลบุรี เข็มที่1 91.5% เข็มที่2 83.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 74.5%
3. เชียงใหม่ เข็มที่1 87.1% เข็มที่2 73.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.8% เข็มที่2 78.7%
4. ภูเก็ต เข็มที่1 87% เข็มที่2 83.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 71.5%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 81.9% เข็มที่2 69.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95.7% เข็มที่2 87.3%
6. ระนอง เข็มที่1 79.9% เข็มที่2 71.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 72.3%
7. ระยอง เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 67.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 73.2%
8. พังงา เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 70.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 64.7%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 73% เข็มที่2 62.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 74.1%
10. กระบี่ เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 64.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.2% เข็มที่2 73.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 62.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.6%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 60.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 62.9%
13. ตราด เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 61.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.3% เข็มที่2 65.2%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 53.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 70.5%
15. เลย เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 50.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 65.9%
16. อุดรธานี เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 50.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.7% เข็มที่2 74.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 63.9%
รวม เข็มที่1 89.6% เข็มที่2 79.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.1% เข็มที่2 73.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 709,331,500 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 249,339,820 (53.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 131,816,392 โดส (76.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 97,321,750 โดส (75.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 95,201,533 โดส (49%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 54,820,915 โดส (79.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. พม่า จำนวน 31,859,036 โดส (34.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
7. กัมพูชา จำนวน 30,525,577 โดส (84%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,519,599 โดส (57.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 783,549 โดส (91.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.44%
2. ยุโรป 10.38%
3. อเมริกาเหนือ 9.16%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5. แอฟริกา 3.14%
6. โอเชียเนีย 0.6%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,591.88 ล้านโดส (185.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,329.63 ล้านโดส (97.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 482.7 ล้านโดส (145.4%)
4. บราซิล จำนวน 319.74 ล้านโดส (152.2%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 249.4ล้านโดส (90.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (254.3%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (220.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (209.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (206.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (204.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (194.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (185.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. กาตาร์ (180.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (180.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. อิสราเอล (180.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)