กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ เตรียมตัวดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัวรับมือปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้ป้องกันและดูแลตัวเองมากกว่าปกติ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งเป็นลมอ่อน ทำให้สภาพอากาศนิ่ง การกระจายตัวของฝุ่นละอองไม่ดี และมีโอกาสสะสมในพื้นที่ ส่งผลให้ฝุ่นละอองสูงเกินค่ามาตรฐานทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจากข้อมูลศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) คาดการณ์ปริมาณ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ในช่วงนี้การมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนเดินทางมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ค่า PM2.5 เกินมาตรฐานได้ ดังนั้น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงขอแนะนำให้ประชาชนเตรียมตัวดูแลสุขภาพตนเอง และบุคคลในครอบครัวเพื่อรับมือกับฝุ่น PM2.5 ด้วยวิธี ดังนี้
1) ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดก่อนออกจากบ้าน ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ และปฏิบัติตนตามคำแนะนำ อย่างเคร่งครัด
2) สำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95
3) ดูแลสุขภาพ ให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ
4) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แกงจืดตำลึง ผัดผักบุ้ง ฟักทองผัดไข่ ผัดบรอกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก แครอทลวก บรอกโคลีลวกจิ้มน้ำพริก เป็นต้น
5) ทำความสะอาดบ้าน และอุปกรณ์ภายในบ้าน โดยเฉพาะจุดที่สะสมฝุ่น เช่น แอร์ พัดลม มุ้งลวด เครื่องนอน และเน้นการทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำ
6) หมั่นตรวจเช็กบ้าน ปิดช่องหรือรู ตามขอบประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 จากภายนอกไม่ให้เข้ามาในอาคารในช่วงฝุ่นสูง
7) วันที่ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ให้เปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในอาคารแทน
8) สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรสำรองยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
9) สังเกตตนเองและบุคคลในครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์
10) ช่วยกันลดฝุ่น PM2.5 เช่น ลดการปิ้งย่างที่ใช้เตาถ่าน งดจุดธูปเทียนทั้งภายในและภายนอกอาคาร งดการเผาในที่โล่ง ลดการใช้รถดีเซลที่ปล่อยควันดำ รวมถึงร่วมปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยดักฝุ่นละออง ทั้งนี้ ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก แต่ให้ตื่นตัวและ ติดตามข่าวสาร เพราะปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้เกิดทุกพื้นที่ ทุกเวลา หากเราใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
***
กรมอนามัย / 9 ธันวาคม 2564