(7 ธ.ค.64) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมธุรกิจพลังงาน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ในการติดตามสถานการณ์และเตรียมพร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2565 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และเพื่อเป็นการรองรับสถานการณ์ฝุ่นละอองที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระหว่างวันที่ 7-9 ธ.ค.64 และวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ตามที่กรมควบคุมมลพิษได้แจ้งเตือนในการควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
โดยเข้มงวดการตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำทุกประเภท รวมถึงได้กำชับหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร หมั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานกำหนด รณรงค์ให้ประชาชนลดการเผาในที่โล่ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ให้ประชาชนทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ เว็บไซต์ www.bangkokairquality.com www.air4bangkok.com www.prbangkok.com เฟซบุ๊ก : กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพจเฟซบุ๊ก : สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ แอปพลิเคชัน : AirBKK รวมถึงจอแสดงผลบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ และจอแสดงผลแบบเคลื่อนที่ ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร วันจันทร์-ศุกร์ โทร. 0 2530 2954 และ 0 2530 2951 ระหว่างเวลา 08.30-18.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทร. 08 5806 7776 และ 08 6364 4407 อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงได้เพิ่มการรายงานข้อมูลเป็น 3 รอบเวลา ได้แก่ เวลา 07.00 น. เวลา 12.00 น. และเวลา 15.00 น. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยง งดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง พร้อมแนะนำการปฏิบัติตนหากจำเป็นต้องออกไปกลางแจ้ง
นอกจากนี้ สำนักการแพทย์ ได้เตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยการดำเนินการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาโรค จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ เตรียมหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน พร้อมรายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละออง ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง เพื่อปฏิบัติการออกช่วยเหลือผู้ป่วยยามจำเป็น หากมีการรายงานค่าฝุ่นในพื้นที่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จะฉีดพ่นละอองน้ำจากสปริงเกอร์บนชั้นดาดฟ้าของตึกที่ได้ดำเนินการติดตั้งไว้แล้ว เพื่อลดภาวะฝุ่นละอองในบริเวณพื้นที่โรงพยาบาล พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่นละออง PM 2.5 เกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกิน 3 วัน โดยสั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครเปิดคลินิกมลพิษทางอากาศที่โรงพยาบาลตากสิน โทร. 0 2437 0123 (วันจันทร์ เวลา 08.00-12.00 น.) โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โทร. 0 2289 7198 (วันพุธ เวลา 13.00-15.00 น.) และโรงพยาบาลกลาง โทร.0 2225 1354 (วันพฤหัสบดี เวลา 13.00-15.30 น.) เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชน ให้บริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพผ่านทางเว็บไซต์สำนักการแพทย์ และเฟซบุ๊ค : สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพโทร HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของสำนักอนามัย ได้จัดทำแผนรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด ระยะที่ 1 ค่า PM2.5 อยู่ในระดับ 0-50 มคก./ลบ.ม. โดยจัดเตรียมเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ในการป้องกันฝุ่น PM2.5 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบในเรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฝุ่นทั้ง PM10 PM2.5 ผลกระทบสุขภาพจากค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน วิธีป้องกันตนเอง รวมถึงการเฝ้าระวังติดตามเป็นพิเศษในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง เด็ก ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด และหญิงตั้งครรภ์ ระยะที่ 2 ค่า PM2.5 อยู่ในระดับ 51-90 มคก./ลบ.ม. ให้ความรู้และเฝ้าระวังแก่กลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป พร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ลดช่วงเวลาหรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมนอกที่อยู่อาศัยแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย หากค่า PM 2.5 อยู่ระดับ 76 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไปติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้ออกหน่วยบริการเชิงรุก สนับสนุนเวชภัณฑ์และให้คำปรึกษาแก่ผู้ได้รับผลกระทบและกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น ระยะที่ 3 ค่า PM2.5 อยู่ในระดับมากกว่า 91 มคก./ลบ.ม. ให้ความรู้และเฝ้าระวังแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้อยู่ภายในที่อยู่อาศัย ไม่ควรออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง แจกหน้ากากอนามัย รวมถึงจัดทำ Worst case scenario เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตที่อาจเกิดขึ้น สำหรับการรณรงค์วิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 ได้แก่ ลดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 สวมแว่นตา เสื้อแขนยาวขายาว เนื่องจากฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนังได้ และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองคอ แสบคอ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษมี 2 กลุ่มใหญ่ ที่ต้องป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองอย่างเหมาะสมและทันเวลา ได้แก่ กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เมื่อได้รับฝุ่นจะเสี่ยงมีอาการรุนแรงได้ เช่น ผู้ป่วยภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยโรคตาอักเสบ
—–