กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) รุกเข้มมาตรการจัดระเบียบร้านนวด-สปา จับมือกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น) ผุดโปรเจกต์ “มีนบุรีโมเดล” กำชับผู้ประกอบการต้องขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง พร้อมเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายกับร้านเถื่อน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ นำโดยนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองฯ เป็นวิทยากรเพื่อบรรยายชี้แจงทำความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบกิจการนวด-สปาในเขตมีนบุรี ณ สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี(สน.มีนบุรี) เขตมีนบุรี กรุงเทพฯโดยนายแพทย์ภัทรพลเปิดเผยว่ากรม สบส. ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะทำให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทนวดเพื่อสุขภาพหรือนวดเพื่อเสริมความงามและสปาได้มาตรฐาน โดยสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทุกแห่งต้องดำเนินกิจการภายใต้กฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการให้ถูกต้อง พนักงานนวดต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ ส่วนร้านสปาต้องมีผู้ดำเนินการสปาที่มีใบอนุญาตด้วย
นายแพทย์ภัทรพล กล่าวต่อว่ากรม สบส.รุกเดินหน้ามาตรการจัดระเบียบร้านนวด-สปาอย่างเข้มข้นเริ่มตั้งแต่ต้นปีที่มีการสุ่มตรวจใบอนุญาตร้านนวด-สปาทั่วกรุงเทพฯ และขอความร่วมมือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทุกจังหวัดดำเนินการด้วยมาตรการเดียวกัน ซึ่งจากการสุ่มตรวจใบอนุญาตในเขตกรุงเทพฯเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการแบ่งออกเป็น 5 ทีม ลงพื้นที่ตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทุกสัปดาห์ได้ส่งหนังสือให้แก่ผู้ประกอบการกว่า 750 แห่งให้มาขอใบอนุญาตภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือโดยตั้งเป้าเดินหน้าสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่ายังมีสถานประกอบการอีกหลายแห่งในกรุงเทพฯที่ยังไม่ขอใบอนุญาต และมาตรการเชิงรุกลำดับต่อไปก็คือการร่วมกับสถานีตำรวจในเขตนครบาล จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการร้านนวด-สปาในแต่ละท้องที่ในเรื่องการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ โดยนำร่องที่สน.มีนบุรี มุ่งหวังให้เป็น “มีนบุรีโมเดล” เพื่อเป็นต้นแบบให้สน.อื่นๆดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งให้บริการรับยื่นเอกสารขอใบอนุญาตประกอบกิจการนอกสถานที่ด้วย ทั้งนี้ ร้านนวด-สปาที่เปิดกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50 ,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.
*********************************************