“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 93,753.156 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,054 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 674.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (117.3%)
➡️(2 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,054 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 37 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 461 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 197 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 674.1 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 238.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 93,753.156 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.62%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,054 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 93,753.156 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 48,525,815 โดส (73.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 41,732,668 โดส (63.1% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,494,673 โดส (5.3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-2 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 93,753.156 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 521,693 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 469,172 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,639,395 โดส
– เข็มที่ 2 3,557,809 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 12,877,533 โดส
– เข็มที่ 2 26,710,592 โดส
– เข็มที่ 3 2,496,420 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,292,179 โดส
– เข็มที่ 2 6,767,471 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 5,445,138 โดส
– เข็มที่ 2 4,624,851 โดส
– เข็มที่ 3 811,756 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 268,570 โดส
– เข็มที่ 2 71,945 โดส
– เข็มที่ 3 186,497 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 94.3%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 61.6% เข็มที่3 20%
– อสม เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 74% เข็มที่3 16.2%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 75% เข็มที่1 67.4% เข็มที่3 4%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 54.2% เข็มที่3 4.1%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 62.4% เข็มที่3 1.1%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.1% เข็มที่2 15.3% เข็มที่3 0.3%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 69.9% เข็มที่2 62.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 57.9% เข็มที่3 4.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 117.3% เข็มที่2 103.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83% เข็มที่2 73.4%
2. ชลบุรี เข็มที่1 89.9% เข็มที่2 82.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.5% เข็มที่2 73.8%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.6% เข็มที่2 83.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 71.2%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 83.8% เข็มที่2 66.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.3% เข็มที่2 72.2%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 80.7% เข็มที่2 68.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95% เข็มที่2 86.6%
6. ระนอง เข็มที่1 78.1% เข็มที่2 67.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.2% เข็มที่2 72.4%
7. พังงา เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 68.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 72%
8. ระยอง เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 64.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 63.1%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 58.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.3% เข็มที่2 72.6%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 63.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 73.5%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 60.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 66%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 59.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 62%
13. ตราด เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 58.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67% เข็มที่2 63.7%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.1% เข็มที่2 51.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 68.3%
15. เลย เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 48.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 64.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 49.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.6% เข็มที่2 73.4%
17. หนองคาย เข็มที่1 54.7% เข็มที่2 47% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.1% เข็มที่2 63.7%
รวม เข็มที่1 88% เข็มที่2 77% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 72.3%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 674,110,505 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 238,203,878 (51.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 123,442,920 โดส (73.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 93,753.156 โดส (73.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 89,070,292 โดส (46.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 53,671,277 โดส (79.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,827,647 โดส (83.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 28,100,411 โดส (30.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,204,304 โดส (54.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 753,291 โดส (91.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.44%
2. ยุโรป 10.35%
3. อเมริกาเหนือ 9.21%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.36%
5. แอฟริกา 3.03%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,507.98 ล้านโดส (179.1% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,249.87 ล้านโดส (91.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 460.77 ล้านโดส (138.8%)
4. บราซิล จำนวน 309.49 ล้านโดส (147.3%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 238.20 ล้านโดส (86.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (250.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (213.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (207.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (203.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (197.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (193.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. จีน (179.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
8. อิสราเอล (179%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กาตาร์ (178.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (176.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)