“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 93,231.463 โดส และทั่วโลกแล้ว 8012 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 667.8 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (116.8%)
➡️(1 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8012 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 35.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 461 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 197 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 667.8 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 236.7 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 93,231.463 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.62%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8012 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 93,231.463 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 48,307,704 โดส (73% ของประชากร)
-เข็มสอง 41,485,442 โดส (62.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,438,317 โดส (5.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-1 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 93,231.463 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 573,073 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 476,754 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,619,805 โดส
– เข็มที่ 2 3,555,668 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 12,800,696 โดส
– เข็มที่ 2 26,585,964 โดส
– เข็มที่ 3 2,478,172 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,282,333 โดส
– เข็มที่ 2 6,741,952 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 5,360,226 โดส
– เข็มที่ 2 4,536,330 โดส
– เข็มที่ 3 783,267 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 244,644 โดส
– เข็มที่ 2 65,528 โดส
– เข็มที่ 3 176,878 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 94.3%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 61.5% เข็มที่3 19.9%
– อสม เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 73.9% เข็มที่3 16.1%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 74.7% เข็มที่1 67.1% เข็มที่3 3.9%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 53.8% เข็มที่3 4%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 62.2% เข็มที่3 1.1%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19% เข็มที่2 15.2% เข็มที่3 0.3%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 69.2% เข็มที่2 61.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 57.6% เข็มที่3 4.8%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 117.1% เข็มที่2 103.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.9% เข็มที่2 73.4%
2. ชลบุรี เข็มที่1 89.7% เข็มที่2 82.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.4% เข็มที่2 73.7%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.6% เข็มที่2 83.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 71.1%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 83.1% เข็มที่2 65.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 89.7% เข็มที่2 71.1%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 67.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.9% เข็มที่2 86.3%
6. ระนอง เข็มที่1 77.4% เข็มที่2 66.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76% เข็มที่2 72.1%
7. พังงา เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 68% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.5% เข็มที่2 71.9%
8. ระยอง เข็มที่1 73% เข็มที่2 63.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.6% เข็มที่2 62.9%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 57% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79% เข็มที่2 71.4%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 63.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.4% เข็มที่2 73.5%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 60.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 65.9%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 59.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.9% เข็มที่2 62%
13. ตราด เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 58.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67% เข็มที่2 63.5%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.1% เข็มที่2 51.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 68%
15. เลย เข็มที่1 56.7% เข็มที่2 48.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 64%
16. อุดรธานี เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 48.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 73.1%
17. หนองคาย เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 46.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 63.6%
รวม เข็มที่1 87.7% เข็มที่2 76.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81% เข็มที่2 72%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 667,830,345 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 236,724,392 (50.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 122,083,464 โดส (72.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 93,231,463 โดส (73%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 86,421,420 โดส (44.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 53,517,981 โดส (79%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,769,599 โดส (83.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 28,100,411 โดส (30.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,145,836 โดส (53.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 752,450 โดส (91.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.37%
2. ยุโรป 10.36%
3. อเมริกาเหนือ 9.25%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.37%
5. แอฟริกา 3.04%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,499.81 ล้านโดส (178.6% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,241.39 ล้านโดส (90.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 460.77 ล้านโดส (138.8%)
4. บราซิล จำนวน 307.82 ล้านโดส (146.5%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 236.72 ล้านโดส (85.8%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (250.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (213.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (206.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (203.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (197.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (192.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (178.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. จีน (178.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. กาตาร์ (178.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (176.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)