“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 92,658,390 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,963 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 659.6 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (116.8%)
➡️(30 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,963 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 454 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 196 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 659.6 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 234.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 92,658,390 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.58%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,963 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 92,658,390 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 48,074,050 โดส (72.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 41,210,777 โดส (62.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,373,563 โดส (5.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-30 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 92,658,390 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 297,973 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 474,514 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,596,654 โดส
– เข็มที่ 2 3,553,044 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 12,702,788 โดส
– เข็มที่ 2 26,439,285 โดส
– เข็มที่ 3 2,457,220 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,270,185 โดส
– เข็มที่ 2 6,717,880 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 5,288,812 โดส
– เข็มที่ 2 4,443,951 โดส
– เข็มที่ 3 750,992 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 215,611 โดส
– เข็มที่ 2 56,617 โดส
– เข็มที่ 3 165,351 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 94.1%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 61.5% เข็มที่3 19.7%
– อสม เข็มที่1 78.1% เข็มที่2 73.8% เข็มที่3 16%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 74.4% เข็มที่1 66.8% เข็มที่3 3.8%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 64.1% เข็มที่2 53.4% เข็มที่3 3.9%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 61.9% เข็มที่3 1.1%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 18.9% เข็มที่2 15.1% เข็มที่3 0.3%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 68.8% เข็มที่2 60.9% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 57.2% เข็มที่3 4.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 116.8% เข็มที่2 103.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.8% เข็มที่2 73.3%
2. ชลบุรี เข็มที่1 89.5% เข็มที่2 81.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.2% เข็มที่2 73.4%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.3% เข็มที่2 83.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 71.1%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 82.1% เข็มที่2 64.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 88.8% เข็มที่2 70.2%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 80.3% เข็มที่2 67.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.7% เข็มที่2 86.1%
6. ระนอง เข็มที่1 76.8% เข็มที่2 66.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 71.9%
7. พังงา เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 67.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 71.5%
8. ระยอง เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 63.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 62.7%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 55.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.8% เข็มที่2 70.9%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 63.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.4% เข็มที่2 73.4%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 67.6% เข็มที่2 60% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 65.7%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 59.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 61.9%
13. ตราด เข็มที่1 64.6% เข็มที่2 57.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 63.2%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60% เข็มที่2 51.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.3% เข็มที่2 67.5%
15. เลย เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 48% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72% เข็มที่2 63.5%
16. อุดรธานี เข็มที่1 55.9% เข็มที่2 46.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81% เข็มที่2 72.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 46.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 63.5%
รวม เข็มที่1 87.4% เข็มที่2 76.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.8% เข็มที่2 71.8%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 659,643,232 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 234,839,306 (50.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 120,644,108 โดส (72.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 92,658,390 โดส (72.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 82,407,303 โดส (41.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 53,345,233 โดส (79%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,710,912 โดส (83.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 28,100,411 โดส (30.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,103,062 โดส (53.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 751,178 โดส (91.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.46%
2. ยุโรป 10.37%
3. อเมริกาเหนือ 9.22%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.34%
5. แอฟริกา 3%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,492.04 ล้านโดส (178% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,232.70 ล้านโดส (90.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 454.45 ล้านโดส (136.9%)
4. บราซิล จำนวน 306.52 ล้านโดส (145.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 234.84 ล้านโดส (85.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (250.4%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (213.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (206.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (203.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (196.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (192.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (178.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. จีน (178%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
9. กาตาร์ (177.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. กัมพูชา (175.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)