“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 92,360,417 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,918 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 654.9 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (116.6%)
➡️(29 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,918 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 454 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 196 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 654.9 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.4% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 233.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 92,360,417 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.57%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,918 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 92,360,417 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 47,963,180 โดส (72.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 41,053,644 โดส (62% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,343,593 โดส (5.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-29 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 92,360,417 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 235,121 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 481,597 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,581,640 โดส
– เข็มที่ 2 3,552,326 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 12,656,448 โดส
– เข็มที่ 2 26,345,898 โดส
– เข็มที่ 3 2,445,745 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,261,458 โดส
– เข็มที่ 2 6,698,651 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 5,258,717 โดส
– เข็มที่ 2 4,406,191 โดส
– เข็มที่ 3 738,712 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 204,917 โดส
– เข็มที่ 2 50,578 โดส
– เข็มที่ 3 159,136 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 94.1%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 61.5% เข็มที่3 19.7%
– อสม เข็มที่1 78.1% เข็มที่2 73.8% เข็มที่3 15.9%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 74.3% เข็มที่1 66.6% เข็มที่3 3.8%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 53.1% เข็มที่3 3.9%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.2% เข็มที่2 61.8% เข็มที่3 1.1%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 18.8% เข็มที่2 15% เข็มที่3 0.3%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 68.5% เข็มที่2 60.5% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 57% เข็มที่3 4.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 116.6% เข็มที่2 103% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 73.2%
2. ชลบุรี เข็มที่1 89.4% เข็มที่2 81.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 73.4%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.3% เข็มที่2 83.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 71.1%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 64.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 88.5% เข็มที่2 69.7%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 80.2% เข็มที่2 67.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.7% เข็มที่2 86%
6. ระนอง เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 66% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 71.9%
7. พังงา เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 71.4%
8. ระยอง เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 62.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 62.6%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 70.2% เข็มที่2 55.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.8% เข็มที่2 70.7%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 63.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.4% เข็มที่2 73.4%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 67.5% เข็มที่2 59.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71% เข็มที่2 65.6%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 59.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 61.8%
13. ตราด เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 57% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 63%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 60% เข็มที่2 51.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.3% เข็มที่2 67.4%
15. เลย เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 47.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.9% เข็มที่2 63.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 55.8% เข็มที่2 47.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 72.7%
17. หนองคาย เข็มที่1 53.7% เข็มที่2 46.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 63.5%
รวม เข็มที่1 87.2% เข็มที่2 76% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.7% เข็มที่2 71.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 654,958,341 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 233,664,522 (50.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 118,768,386 โดส (71.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 92,360,417 โดส (72.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 81,296,947 โดส (41%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 53,231,117 โดส (79%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,650,162 โดส (83.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 28,100,411 โดส (30.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 7,055,042 โดส (52.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 748,008 โดส (91.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.46%
2. ยุโรป 10.39%
3. อเมริกาเหนือ 9.27%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.26%
5. แอฟริกา 3%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,482.90 ล้านโดส (177.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,224.43 ล้านโดส (89.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 454.45 ล้านโดส (136.9%)
4. บราซิล จำนวน 297.96 ล้านโดส (141.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 233.66 ล้านโดส (84.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (246.7%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (211.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (206% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (203.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (196%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (192.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (178.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (177.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (177.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
10. กัมพูชา (175.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)