“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 91,658,056 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,869 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 646.2 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (116.2%)
➡️(27 พฤศจิกายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,869 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 34.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 454 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 196 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 646.2 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 231.7 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 91,658,056 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.52%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,869 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 91,658,056 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 47,650,767 โดส (72% ของประชากร)
-เข็มสอง 40,737,473 โดส (61.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 3,269,816 โดส (4.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-27 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 91,658,056 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 922,987 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 475,301 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 22,548,067 โดส
– เข็มที่ 2 3,551,265 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 12,509,695 โดส
– เข็มที่ 2 26,164,276 โดส
– เข็มที่ 3 2,412,789 โดส
วัคซีน Sinopharm
– เข็มที่ 1 7,243,064 โดส
– เข็มที่ 2 6,660,867 โดส
– เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
– เข็มที่ 1 5,166,525 โดส
– เข็มที่ 2 4,326,716 โดส
– เข็มที่ 3 722,581 โดส
วัคซีน Moderna
– เข็มที่ 1 183,416 โดส
– เข็มที่ 2 34,349 โดส
– เข็มที่ 3 134,446 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.1% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 94%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.4% เข็มที่3 19.5%
– อสม เข็มที่1 77.9% เข็มที่2 73.7% เข็มที่3 15.8%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 73.9% เข็มที่1 66.3% เข็มที่3 3.7%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 52.7% เข็มที่3 3.7%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 61.5% เข็มที่3 1%
– หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 18.7% เข็มที่2 14.9% เข็มที่3 0.3%
– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 68% เข็มที่2 59.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 56.6% เข็มที่3 4.5%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 116.2% เข็มที่2 102.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.6% เข็มที่2 73%
2. ชลบุรี เข็มที่1 88.9% เข็มที่2 81.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 73.2%
3. ภูเก็ต เข็มที่1 86.1% เข็มที่2 83.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 71%
4. เชียงใหม่ เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 63.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 87.8% เข็มที่2 69.4%
5. สมุทรปราการ เข็มที่1 79.9% เข็มที่2 67.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 94.5% เข็มที่2 85.9%
6. ระนอง เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 65.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 71.8%
7. พังงา เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 66.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 71.3%
8. ระยอง เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 62.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67% เข็มที่2 62.3%
9. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 69.9% เข็มที่2 54.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.7% เข็มที่2 70.2%
10. กระบี่ เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 63.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 73.2%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 67% เข็มที่2 59.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 65.4%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 65.7% เข็มที่2 59% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.3% เข็มที่2 61.7%
13. ตราด เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 56.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 62.9%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 59.8% เข็มที่2 50.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.1% เข็มที่2 66.6%
15. เลย เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 62.7%
16. อุดรธานี เข็มที่1 55.3% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.6% เข็มที่2 72.3%
17. หนองคาย เข็มที่1 53.3% เข็มที่2 45.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.1% เข็มที่2 63.3%
รวม เข็มที่1 86.8% เข็มที่2 75.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 71.4%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 646,266,685 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 231,786,452 (50.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 116,328,185 โดส (70.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 91,658,056 โดส (72%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 80,613,849 โดส (40.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 52,666,489 โดส (78.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,617,826 โดส (83.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 25,869,175 โดส (28.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,898,534 โดส (51.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 744,790 โดส (91.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.38%
2. ยุโรป 10.41%
3. อเมริกาเหนือ 9.31%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5. แอฟริกา 3%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,464.33 ล้านโดส (176% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,210.91 ล้านโดส (88.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 454.45 ล้านโดส (136.9%)
4. บราซิล จำนวน 297.96 ล้านโดส (141.8%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 231.79 ล้านโดส (84%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (246.7%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. ชิลี (211.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
3. มัลดีฟส์ (206% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (202.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
5. บาห์เรน (194.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. อุรุกวัย (192.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. อิสราเอล (178.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (177.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (176%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
10. กัมพูชา (175.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)